วัคซีนไข้ทรพิษ ป้องกัน "ฝีดาษลิง" หมอไขข้อสงสัยมีฤทธิ์นานเท่าใด?
หมอและนักไวรัสวิทยา เผยความรู้วัคซีนไข้ทรพิษ ทั้งการระยะเวลาการฉีดและประสิทธิภาพวัคซีนของผู้ที่เคยฉีดในไทย
จากกรณีการระบาดของโรค “ฝีดาษลิง (Monkeypox)” กำลังเป็นที่จับตามองของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลก เนื่องจากขณะนี้พลการระบาดแล้วใน 15 ประเทศทั่วโลก ส่วนมากอยู่ในยุโรป รวมมีผู้ป่วยราว 100 ราย นั้น
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงเรื่องการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษ ว่าจะอยู่ได้นานเท่าใด? โดยระบุว่า
ที่ปรึกษาอนามัยโลกคาด “ฝีดาษลิง” อาจระบาดหนักเพราะ “เพศสัมพันธ์”
ข่าวปลอม อย่าหลงเชื่อ! ฉีดวัคซีนแอสตร้า เสี่ยงเป็น "โรคฝีดาษลิง"
ในยุคของฝีดาษลิงเชื่อกันว่าคนที่เคยฉีดวัคซีนไข้ทรพิษ (ทั้งนี้ประเทศไทยเลิกฉีดไปในปี 2523) จะยังสามารถป้องกันฝีดาษลิงได้ ประมาณ 85% ทั้งนี้ระบบภูมิคุ้มกันยังต้องดีอยู่
มีการศึกษาในวารสารนิวอิงแลนด์ตั้งแต่ปี 2007 ในบุคลากรที่ทำงาน จำนวน 45 คน ในศูนย์สัตว์ จำพวกลิง ที่โอเรกอน ทั้งนี้มีการเจาะเลือดเก็บตัวอย่างเป็นระยะอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ยประมาณ 15 ปี ประมาณ 60% ยังคงมีภูมิคุ้มกันอยู่
ทั้งนี้ ประเมินกันว่าระยะเวลาครึ่งชีวิต จะอยู่ประมาณ 90 ปี และเป็นกลไกของ memory B cell independent long lived plasma cells (ไม่ใช่ dependent-short lived) และด้วยความที่วัคซีนเป็นเชื้อเป็น อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมว่าไม่ใช่ทุกคนที่ฉีดวัคซีนไข้ทรพิษไปแล้วจะป้องกันไข้ฝีดาษลิงได้ ดังข้างต้น
และวัคซีนยุคใหม่ยังคงใช้กันสำหรับคนที่มีความเสี่ยงสูงมากแม้ว่าอาจจะมีผลข้างเคียง <วัคซีนไข้ทรพิษในสมัยโบราณที่เกิดสมองอักเสบได้แม้ว่าจะไม่มากแต่อัตราเสียชีวิตสูงถึง 50%
(แนะนำบทความจาก Dr Judd Chontavat)
กรมควบคุมโรค ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน สกัด "โรคฝีดาษลิง"
แพทย์เตือน "ฝีดาษลิง" โรคติดต่อจากสัตว์ที่พบไม่บ่อยแต่อันตรายถึงชีวิต
ก่อนหน้านี้ ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนไข้ทรพิษ ระบุว่า
เนื่องจาก Monkeypox มีระยะฟักตัวที่ยาว (21 วัน) ทำให้คนที่รับเชื้อมามีเวลามากพอที่ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้ทันก่อนที่ไวรัสจะเริ่มเพิ่มจำนวนในร่างกาย
นี่เป็นสาเหตุที่วัคซีนสำหรับ Monkeypox สามารถฉีดให้กับผู้มีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อมา CDC แนะนำว่า สามารถให้วัคซีนหลังสัมผัสเชื้อได้นานถึง 4 วัน เพราะ แอนติบอดีจากวัคซีนขึ้นทันก่อนที่ไวรัสจะเริ่มแบ่งตัวเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าให้วัคซีนหลังจากสัมผัสเชื้อไป 4-14 วัน ภูมิอาจจะขึ้นไม่เต็มที่ ซึ่งมีโอกาสที่จะป่วย แต่เชื่อว่าอาการของโรคจะน้อยลง ... ดีที่สุดคือเสี่ยงปุ๊บฉีดวัคซีนปั๊บครับ
ข้อมูลนี้สำคัญมากเพราะถ้ามีวัคซีนเพียงพอ Monkeypox จะควบคุมได้ง่ายกว่าโควิด-19 มากๆ เพราะวัคซีนโควิด-19 ทำแบบนี้ไม่ได้
https://www.cdc.gov/.../clinicians/smallpox-vaccine.html
Monkeypox virus (MPXV) เป็นไวรัสขนาดใหญ่ ใหญ่กว่า SARS-CoV-2 ของโควิด-19 มากหลายเท่า ในขณะที่ SARS-CoV-2 ใช้โปรตีนหนามสไปค์เป็นโปรตีนเดี่ยวๆในการจับกับโปรตีนตัวรับเข้าสู่เซลล์ การพัฒนาวัคซีนแบบใช้โปรตีนสไปค์เป็นตัวกระตุ้นภูมิสร้างแอนติบอดีมายับยั้งกระบวนการดังกล่าวจึงตรงไปตรงมา ดังนั้นวัคซีนโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็น mRNA, viral vector หรือ subunit vaccine ต่างมุ่งที่จะใช้สไปค์เป็นแอนติเจนหลักของวัคซีน และ แอนติบอดีต่อสไปค์ที่สร้างขึ้นเพียงพอต่อการป้องกันโรคโควิดได้
แต่สำหรับ MPXV เราไม่ได้มีโปรตีนเดี่ยวๆอย่างสไปค์ของ SARS-CoV-2 เพื่อมาพัฒนาเป็นวัคซีน เนื่องจากไวรัสมีขนาดใหญ่ใช้โปรตีนหลายตัวมากในการเข้าสู่เซลล์และเพิ่มจำนวนในเซลล์ และ ยังมีโปรตีนอีกหลายชนิดที่ยังไม่มีองค์ความรู้ว่ามีหน้าที่อย่างไร การจะพัฒนาวัคซีน MPXV ด้วยเทคโนโลยีเดียวกับวัคซีนโควิดจึงทำไม่ได้ และ เชื่อว่าแอนติบอดีจากโปรตีนเดี่ยวๆไม่เพียงพอต่อภูมิคุ้มกัน จำเป็นต้องใช้ภูมิที่เหมือนกับการติดเชื้อจากธรรมชาติ โดยเฉพาะ T cell ที่จำเพาะต่อโปรตีนจำนวนมากที่ไวรัสสร้างขึ้นหลังจากติดเชื้อ
วัคซีนสำหรับ MPXV คือ วัคซีนตัวเดียวกับที่ใช้ป้องกัน smallpox หรือ ไข้ทรพิษในคน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่าแก่ที่สุด หลักการเดียวกับที่ Edward Jenner บิดาของเทคโนโลยีวัคซีน ที่ใช้ไวรัส cowpox มาปลูกฝีให้เด็กเพื่อป้องกันฝีดาษ โดยวัคซีนของ MPXV ใช้ไวรัสที่ชื่อว่า Vaccinia ซึ่งเชื่อว่ามีความใกล้เคียงกับ cowpox ที่ Jenner ใช้ แต่แยกมาจากม้า ด้วยคุณสมบัติของ Vaccinia ที่ไม่ก่อให้เกิดโรครุนแรงในคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติ จึงมีการพัฒนามาเป็นไวรัสเชื้อเป็นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการติดเชื้อ smallpox เป็นเวลาต่อมา คือ การปลูกฝีที่ทำกันในสมัยก่อน แต่ปัญหายังพบได้ในกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ไวรัสสามารถก่อให้เกิดอาการติดเชื้อที่รุนแรงได้
ดังนั้นจึงมีความพยายามปรับ vaccinia ให้มีความอ่อนเชื้อลง ที่นิยมทำกันคือเลี้ยงในเซลล์สัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น เซลล์ไก่ (CEF) เป็นเวลานานๆ มากกว่า 500 ครั้ง ส่งผลให้ไวรัสปรับตัวเองมีชิ้นส่วน DNA หายไปจากจีโนมไวรัสถึงกว่า 30,000 เบส ทำให้ไวรัสติดเข้าสู่เซลล์คนได้ สร้างโปรตีนต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการกระตุ้นภูมิได้ แต่ประกอบร่างเป็นอนุภาคเพิ่มจำนวนต่อไม่ได้ พัฒนาโดยนักวิจัยในเยอรมัน กลายเป็น vaccinia ที่เชื่อว่าปลอดภัยในคนมากขึ้น เรียกสายพันธุ์นี้ว่า Modified vaccinia Ankara (MVA) virus โดยให้เกียรติ the Turkish vaccine institute of Ankara ซึ่งเป็นคนแยกหัวเชื้อเพื่อส่งให้ทีมเยอรมันไปพัฒนาต่อ จนกลายเป็นวัคซีนสำหรับ smallpox ที่ใช้กัน และอาจจะเป็นตัวหลักสำหรับ MPXV เช่นเดียวกัน
ปัจจุบันวัคซีนของบริษัท Bavarian Nordic เป็นเจ้าของวัคซีนดังกล่าว
https://www.sciencedirect.com/.../pii/S0065352716300380
"วราวุธ"สั่งกรมอุทยานฯตรวจสุขภาพลิงในประเทศ-ห้ามขนย้ายสัตว์ข้ามแดน