วันที่ 10 พ.ย. 2566 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์หลังนายกรัฐมนตรีแถลงเรื่องเงินดิจิทัล โดยบอกว่าอยากออกมาให้ความเห็น ประเด็นแรกเรื่องที่มาของเงินซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเองก็เคยพูดทีเล่นทีจริงว่ารัฐบาลถึงทางตันในการหาแหล่งเงินเลย อาจต้องใช้การออก พ.ร.ก.เงินกู้ เหมือนช่วงสถานการณ์โควิด-19 และคงเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง ซึ่งน่าตกใจที่ตอนนี้รัฐบาลเลือกใช้วิธีการนี้
เช็กที่นี่เงื่อนไข เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10.000 บาท ใช้อะไรได้บ้าง
เอกชน แนะ รัฐแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฉพาะคนรากหญ้า
น.ส.ศิริกัญญา บอกว่าตัวเองได้เคยเตือนรัฐบาลไปแล้วว่า การออก พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก. เงินกู้ เพื่อนำมาใช้กับโครงการเงินดิจิทัล อาจเข้าข่ายผิดหลักกฎหมายและขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมองว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 53 และ มาตรา56 ของ พรบ.วินัยการเงินการคลัง ที่ไม่อนุญาตให้รัฐบาลกู้เงินตามใจชอบ หากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนต้องใช้งบประมาณปกติ และสุดท้ายอาจสุ่มเสี่ยงว่า “จะไม่มีใครได้รับเงินดิจิทัลเลย” ไม่ใช่แค่หลายคนที่ต้องเสียใจเพราะไม่เข้าเกณฑ์ ส่วนหากจะใช้แหล่งเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตอนนี้ก็มีอยู่แค่หลักแสนล้าน ก็จะทำให้เหลือคนที่ได้เงินดิจิทัลแค่ 10 ล้านคน
น.ส.ศิริกัญญา ยังตั้งข้อสงสัยว่าทำไมรัฐบาลจึงเลือกทางนี้ ทั้งที่เคยมีประสบการณ์จาก พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน เมื่อปี 2556 ซึ่งถูกยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และสุดท้ายถูกตีตกด้วยเหตุผล “ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน” รัฐบาลไม่ได้คิดว่าอย่างถี่ถ้วน ทำให้เจอปัญหาทั้งแหล่งเงิน และแอพพลิเคชั่น จึงไม่สามารถที่จะเกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ อย่างที่รัฐบาลคิดไว้อย่างแน่นอน
มองว่านี่อาจเป็นการหาทางลงให้กับ “โครงการเงินดิจิทัล” หรือไม่ สุดท้ายจึงต้องใช้วิธีการนี้ โดยรัฐบาลอาจคาดหวังให้มี “นักร้อง” ไปยื่นเรื่อง และให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” กลายเป็นผู้ร้ายตีตกโครงการเงินดิจิทัล จึงอยากให้รัฐบาลออกมารับผิดชอบกับประชาชนว่าจะทำอย่างไร เช่น ต้องปรับหลักเกณฑ์หรือจำนวนผู้ได้รับเงินหรือไม่ และอยากฝากให้ประชาชนเตรียมใจไว้ว่าสุดท้ายอาจไม่มีใครได้เลย
ประเด็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ มองว่าที่ผ่านมา 2 เดือน รัฐบาลไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน และสามารถสะท้อนได้ จากไทม์ไลน์ของการแจกเงินดิจิทัล ที่ถูกเลื่อนจากเดือนกุมภาพันธ์ ไปเป็นเดือนพฤษภาคม 2567 นอกจากนั้นกรณีที่รัฐบาลจะออกเป็น พรบ.เงินกู้ เท่ากับว่าต้องเอาเข้าสภาฯ พิจารณา 3 วาระ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่าน แสดงว่าเงินดิจิทัลไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน
ส่วนกรณีการแข่งขันกับเวทีโลก น.ส.ศิริกัญญา บอกว่าการจะแก้เรื่องขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ต้องใช้การแก้ปัญหาในระยะกลางและระยะยาว เช่นการเพิ่มโครงสร้างพื้นฐาน หรือพัฒนาสาธารณูปโภคในประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุน ไม่ใช่การใช้นโยบายระยะสั้น จึงมองว่านายกรัฐมนตรีน่าจะเข้าใจผิดในเรื่องนี้
นอกจากนั้น น.ส.ศิริกัญญา ยังระบุว่ากรณีที่งบประมาณเงินดิจิทัล มีตัวเลข 1 แสนล้าน สำหรับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต้องถามว่าตัวเลขแสนล้านมาจากไหน เพราะ 5-6 ปี ที่ผ่านมา กองทุนนี้มี พรบ.เป็นของตัวเองอยู่แล้วตั้งแต่ปี 2561 และมีเงินก้นถุงที่ได้รับการจัดสรรราวหมื่นล้านบาท ซึ่ง 5-6 ปีที่ผ่านมามีการใช้เงินไปหลักพันล้านบาท หากจะมีการเติมงบเข้าไปอีกแสนล้าน ก็ต้องขอดูแผนดึงดูดนักลงทุนของรัฐบาล ว่าจะดึงดูดนักลงทุนประเภทไหน และจะทำอะไร จากเหตุผลทั้งหมด จึงอยากให้คณะกรรมการกฤษฎีกา กล้าให้คำแนะนำรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาด้วยว่าเป็นไปไม่ได้