ในเดือนมิถุนายนนี้ เรียกได้ว่ามีหลายคดีที่เป็นคดีสำคัญที่อาจจะสร้างแรงสั่นสะเทือน จนนำไปสู่แผ่นดินไหวทางการเมืองได้ โดย 3 คดีสำคัญ หากไล่ตามเงื่อนเวลา สัปดาห์หน้า วันที่ 4 มิ.ย.นี้ ก็มีคดียุบพรรคก้าวไกล กรณีอันควรเชื่อว่า มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯซึ่งนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะแถลงต่อสาธารณชน หลังยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากับศาลรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น
ซึ่งที่ผ่านมาทางพรรคก้าวไกลได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ทั้งนี้เมื่อยื่นคำชี้แจงแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา หากยังมีข้อสงสัยอยู่ อาจให้พยานที่แต่ละฝ่ายยื่นเข้ามาเบิกความแก่ศาลได้ และเมื่อศาลพิจารณาคำเบิกความพยานเอกสาร พยานบุคคลเสร็จแล้ว จึงกำหนดนัดวันฟังคำวินิจฉัย
ซึ่งมี 2 แนวทางคือ 1.ไม่ยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ หรือไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่ามีพฤติการณ์ตามที่กล่าวหาจริง 2.ยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากปรากฏพยานหลักฐานบ่งชี้ หรือเชื่อได้ว่ามีพฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมกับตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ทั้งนี้ คาดว่าคดียุบพรรคก้าวไกลศาลรัฐธรรมนูญน่าจะนัดฟังคำวินิจฉัยได้ภายในเดือน สิงหาคม
ถัดไป คือ 10 มิ.ย. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ขีดเส้น นายเศรษฐา ทวีสิน ยื่นคำชี้แจงกรณี 40 สว.ยื่นถอดถอน กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องรอดูว่าจะมีการขอเลื่อนยื่นคำชี้แจงเหมือนกรณีพรรคก้าวไกลหรือไม่
ถัดไป คือ 18 มิ.ย. ที่อัยการสูงสุด นัดส่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในคดี ม.112 ซึ่งก่อนหน้านี้ สำนักงานอัยการสูงสุดแถลงชัดเจนว่า ไม่ว่าตัวนายทักษิณ จะมา หรือไม่มา ก็จะมีการสั่งฟ้อง โดยถ้านายทักษิณมา ก็มีสิทธิ ยื่นขอประกันตัว แต่ถ้าไม่มาพบพนักงานอัยการตามคำสั่ง อัยการก็จะส่งเรื่องไปยังพนักงานสอบสวนให้นำตัวนายทักษิณมาดำเนินการส่งฟ้องซึ่งก็ต้องลุ้นว่าศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่