“คริส พีรวัส” เล่านาทีระทึกรถพลิกคว่ำ ยันไม่ได้ขับเร็ว ขอบคุณพลเมืองดีช่วยเหลือ

เรื่องไม่คาดคิดของ “คริส พีรวัส”

ทำเอาหลายคนตกใจและเป็นห่วง นักแสดงหนุ่มขวัญใจวัยรุ่น คริส - พีรวัส แสงโพธิรัตน์ หลังประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำบริเวณหน้าซอยสุคนธสวัสดิ์ 1 เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าตัวปลอดภัยดีและได้เคลียร์คู่กรณีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

"คริส พีรวัส" อุบัติเหตุรถคว่ำ อาการปลอดภัยดี!

ล่าสุดดาราหนุ่มได้ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอบคุณพลเมืองดีที่ให้ความช่วยเหลือในที่เกิดเหตุ โดยเผยว่า

ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น?

“พอดีผมกำลังกลับจากที่ทำงาน ไปอัดเสียงมา กำลังกลับบ้าน แถวๆสตรีวิทยา2 ผมต้องอธิบายก่อนว่าตรงนั้นเป็นเขตชุมชน เพราะฉะนั้นการขับรถของผมไม่เร็วอยู่แล้ว ผมทราบดีเพราะเป็นเส้นทางที่ผมใช้เป็นประจำ ความเร็วอยู่ที่ประมาณ 40-60 กิโลเมตร/ ชั่วโมง ผมก็ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ แต่อยู่ในขอบเขตนี้แน่นอน และในส่วนที่ว่ามันพลิกได้ยังไง เพราะเป็นรถที่ค่อนข้างแข็งแรง บอกจริงๆว่าเป็นความซวยของผมเอง คือผมเจอสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้า แล้วผมขับผมมองไกลกว่าใกล้ แล้วเราเหลือบไปเห็นถนนใกล้ แล้วผมเห็น ผมก็ยังไม่แน่ใจว่า ณ ตอนนี้มันคืออะไร เพราะตอนแรกเข้าใจว่าเป็นของแข็ง ผมก็กลัวว่ามันจะกระทบกับช่วงล่างของรถ เลยหักซ้าย แล้วเหมือนว่ากินเลนซ้ายนิดนึงอยู่แล้ว พอเราหักซ้ายแค่นิดเดียวมันเข้าไปชนกับล้อของรถกระบะ

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมเองก็ยังไม่ชัวร์ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่ผมทราบเพราะว่า หลังจากที่คว่ำแล้วมีพี่พลเมืองดี เขาออกมาช่วยและไปวิเคราะห์ให้ เขาน่าจะเข้าใจว่าการเจรจาน่าจะไม่ง่ายขนาดนี้ เขาเลยมาช่วยเคลียร์ให้ก่อน เขาก็ดูจากจุดชนของทั้งคู่กรณี คุณลุงธีรเดช และของตัวรถผมด้วย เขาก็วิเคราะห์ให้ผมฟัง

คือขับไม่เร็วอย่างแน่นอน เพราะถ้าขับเร็วผมจะกระเด็นไปไกลกว่านี้ มันเป็นเหมือนกับว่าผมชนเข้าที่ล้อ ผมก็พลิกเลย ตอนพลิกผมยังอยู่ในเลนของตัวเองอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีของผม เพราะถ้ามันเร็วกว่านี้ ผมไปอีกเลนมันเป็นรถสวนมา ซึ่งก็อาจจะเกิดเรื่องร้ายๆมากกว่านี้ และก็คือมันเป็นล้อของรถกระบะ ซึ่งเขาจอดเกียร์ P ไว้ เทียบกับฟุตบาท เขาจะมีฟุตบาทในการเซฟเขาอยู่แล้ว มันเลยเข้าไปอัดแล้วทำให้รถเขานิ่ง กลายเป็นเหมือนเขาเป็นแบริเออร์แล้วเราไปชน เราเลยกระเด็นแทน

คือถ้าผมเลยไปอีกนิดนึง ไม่ได้ไปชนล้ออาจจะมีสิทธิ์ที่จะไม่พลิก แต่พอมันเป็นล้อกับล้อ มันเลยเกิดเหตุการณ์พลิกขึ้น”

รถคู่กรณีจอดอยู่?

“จอดอยู่ครับ คุณลุงไม่ได้อยู่ในรถ เขาลงไปร้านสะดวกซื้อ แล้วก็ออกมา เห็นรถคว่ำ ก็ถามว่ารถใครชนกับใคร แล้วก็เห็นเป็นรถตัวเอง ถามว่ารถคุณลุงเสียหายเยอะไหม น่าจะเป็นแค่ช่วงล้อ รอยรอบๆล้อเท่านั้นเอง ตอนนนี้ผมเจรจาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว ผมจะรับผิดชอบทุกๆอย่าง ผมจะต้องทำทุกๆอย่างให้คุณลุงพอใจก่อนเป็นอันดับแรก ว่าคุณลุงมีความต้องการยังไงบ้าง จะดูแลอย่างเต็มที่ แล้วก็ผมขอโทษผู้ขับขี่อยู่แถวๆนั้นนะครับ ผมรู้สึกผิดมากที่ทำให้รถติดเป็นชั่วโมง ผมรู้สึกแย่ๆจริงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมขอโทษจริงๆครับ

หลังจากนี้ผมจะระมัดระวังมากกว่านี้ แต่สิ่งที่ผมได้รับบทเรียนมาคือในช่วงหลังจากนี้ผมอาจจะยังไม่ขับรถในช่วงนี้ เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ให้ขับรถแล้ว คิดว่าน่าจะดีกว่าครับ แล้วก็ขอบคุณพี่พลเมืองดีมากๆเลยนะครับ ถ้าพี่ๆทุกๆคนที่ช่วยผมในวันนั้นได้มีโอกาสผ่านมาเห็น ให้รับรู้ว่าผมขอบคุณมากพี่ดีกับผมที่สุดเลย ผมรู้สึกว่าผมโชคดี ในความโชคร้ายผมยังหาความรู้สึกดีๆได้จากตรงนั้น”

ใจหายไหม วินาทีที่เกิดเรื่อง?

“คือผมเห็นทุกๆอย่าง มันแอบเหมือนในหนังนิดนึง ของที่อยู่ในรถมันกระจายขึ้นมาเลย แล้วมันก็หมุน เริ่มเห็นถนนเริ่มหมุนแล้ว ตอนที่พลิกโชคดีที่ไม่แรง  คือรถไม่ได้วิ่งมาเร็ว ผมรู้สึกได้ว่าไม่มีอะไรโดนตัวผมเลย ทุกๆอย่างไม่โดนตัวผมเลย ตอนที่มันพลิกเสร็จแล้ว หัวผมยังคว่ำอยู่ คือเข็มขัดนิรภัยมันรัดผมแน่นมาก ผมยังติดอยู่กับอยู่เลย ผมต้องปลดเข็มขัดนินภัย ตัวผมถึงจะร่วงลงมา

ตอนนั้นไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไงดี เพราะผมมไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย คือผมช็อกมากแล้วก็กลัวทำคนอื่นลำบากมากๆ ทั้งคุณพ่อคุณพ่อ ผมขอบคุณในความโชคร้ายยังมีความโชคดี มีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ทราบก็รีบมาหาที่จุดเกิดเหตุเร็วที่สุด และผมขอบคุณพี่ๆน้องๆนักแสดงทุกท่าน เพื่อนๆทักมาหาผมหมด โทรมาถาม เมื่อวานผมต้องขอโทษที่ไม่ได้ถาม ไม่ได้ตอบใคร ตอนที่ยังไม่นิ่งพอ ยังเฟลอยู่นิดหน่อย วันนี้พร้อมแล้วที่จะมาบอกทุกคนและขอบคุณมากที่ทุกคนส่งกำลังใจมาให้ ผมไม่เป็นไรเลย มีแผลถลอกที่หัวเข่า ซึ่งผมไปที่โรงพยาบาลก็ทำแผล เขาก็บอกว่าแผลที่หัวเข่าไม่มีอะไรเลยนะ แต่รอยถลอกเล็กไม่ลึก สามารถทำแผลได้เองที่บ้าน แต่เขาเหลือบมาเห็นแผลที่นิ้ว แผลนี้น่าเป็นห่วง ห้ามทำแผลเองที่บ้าน แผลรถคว่ำเหรอ ผมก็บอกว่าป่าวครับ อันนี้โดนน้ำมันกระเด็น เป็นแผลก่อนหน้านี้ ส่วนการตรวจร่างกายก็ได้มีการสแกนทั้งตัวไม่เป็นอะไรเลย”

หลายคนถามว่าห้อยพระอะไร?

“มีพระอยู่ในรถองค์นึง เป็นพระที่พี่ๆกองรายการให้มา (เบญจเพสไหม?) ผมเพิ่งอายุ 26 ครับ ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ ผมขอให้หลังจากนี้ทุกๆคน รวมถึงตัวผมเองขอให้ได้เจอแต่เรื่องราวดีๆนะครับ”

รถเสียหายเยอะไหม?

“เหตุผลของคุณพ่อคุณแม่ผมไม่อยากให้ผมขับรถแล้ว การซ่อมน่าจะหนักเกินประกัน ซึ่งประกันจะคุ้มครองของคู่กรณีให้ ก็โอเคกับตรงนั้นแล้ว ในส่วนรถของผมหนักมาก คุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้ขับรถ เลยจะขายซากแล้วกัน ก็คงไม่มีรถคันนี้แล้ว คุณพ่อก็กังวลอีกอย่างถ้าซ่อมเสร็จแล้วขับมันจะไม่ผวาใช่ไหม เพราะเห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น”

หลายคนเป็นห่วงเรา?

“ผมขอบคุณมากจริงๆครับ แฟนๆเขาตกใจมากผมเข้าไปอ่าน เลยคิดว่าต้องบอกอะไรเขาสักนิดว่าผมไม่เป็นอะไร อีกส่วนนึงผมขอขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่าน เพื่อนๆพี่ๆน้องๆในวงการทุกๆแขนง ทุกๆคนติดต่อมาหาผมด้วยความเป็นห่วง ผมขอโทษที่ไม่ได้รับสาย ไม่ได้ตอบใครเลย เพราะยังไม่ค่อยเท่าไหร่ เลยถือโอกาสมาพูดตรงนี้”

คุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้ขับรถแล้ว?

“คือขนาดเราเป็นคนโทรไปเอง บอกเขาตั้งแต่ในสายแล้วเราไม่เป็นอะไรเลย สบายมาก แต่รถคว่ำนะ แต่พอคุณแม่มาถึงท่านก็ร้องไห้ พอผมเห็นก็โอเคไม่ขับดีกว่า เดี๋ยวหลังนี้คงใช้วิธีการเดิมอาจจะใช้รถตู้”