“ทรัมป์” ให้คำมั่น จะถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่น


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะหมดวาระในอีกเพียง 13 วัน ออกมาเคลื่อนไหวผ่านบัญชีทวิตเตอร์ของตัวเอง หลังเกิดเหตุการณ์ผู้สนับสนุนบุกอาคารรัฐสภา

ไทม์ไลน์ ผู้สนับสนุน “ทรัมป์” บุกยึดรัฐสภาสหรัฐฯ

เหตุการณ์ผู้สนับสนุนทรัมป์หลายร้อยคนบุกอาคารรัฐสภา มีการทำลายทรัพย์สิน และทำร้ายเจ้าหน้าที่ เพื่อต่อต้านผลการเลือกตั้ง ระหว่างที่สภาคองเกรสกำลังประชุมรับรองผลการเลือกตั้งของคณะผู้แทนที่ลงคะแนนเสียงให้โจ ไบเดนชนะเป็นประธานาธิบดี

เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เหตุการณ์นี้กำลังส่งผลถึงทรัมป์ ในฐานะคนที่มีส่วนในการปลุกระดมมวลชนไปยังอาคารรัฐสภา เป็นผลทั้งในทางการเมืองที่เขาเสียแนวร่วมไปเป็นจำนวนมาก และผลทางกฏหมายที่เขาอาจถูกถอดถอนหรือมีความผิด

ในช่วงความวุ่นวาย ที่คนจำนวนมากเรียกว่าการก่อการจลาจล ทวิตเตอร์และเฟสบุ๊คมีการระงับใช้บัญชีของทรัมป์ ล่าสุดบัญชีทวิตเตอร์ของเขากลับมาใช้งานได้แล้ว โพสต์แรกที่เขาโพสต์คือคลิปวีดีโอประณามความรุนแรงเมื่อวานนี้ และประกาศจะถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่น

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะหมดวาระในอีกเพียง 13 วัน ออกมาเคลื่อนไหวผ่านบัญชีทวิตเตอร์ของตัวเอง หลังเกิดเหตุการณ์ผู้สนับสนุนบุกอาคารรัฐสภา

เขาโพสต์วีดีโอแถลงการณ์ของตัวเองที่ถูกบันทึกจากทำเนียบขาว เขาเริ่มด้วยการกล่าวประณามเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แม้ว่าคนลงมือจะเป็นผู้สนับสนุนเขาก็ตาม โดยคนเหล่านี้จะต้องชดใช้สิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป

โดยทรัมป์เปิดเผยว่า เขาได้สั่งให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้าควบคุมสถานการณ์ที่อาคารรัฐสภาทันทีที่เขาเห็นว่าเกิดความรุนแรง

และใจความสำคัญของแถลงการณ์ของทรัมป์คือ เขาได้ประกาศยืนยันจะให้การถ่ายโอนอำนาจเกิดขึ้นอย่างราบรื่นและเรียบร้อย เนื่องจากเมื่อวานนี้สภาคองเกรสได้รับรองผลการเลือกตั้งของคณะผู้เลือกตั้งที่ลงคะแนนเสียงให้โจ ไบเดนชนะเป็นประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการแล้ว

ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นเวลาถึงกว่า 2 เดือน ที่ทรัมป์พยายามจะขัดขวางการถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่น และทำทุกทางที่จะพลิกผลการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยกฎหมาย ด้วยการยื่นฟ้องผลการเลือกตั้งในหลายรัฐ ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานเพียงพอ หรือสร้างวาทกรรมว่ามีการโกงการเลือกตั้งซ้ำๆ ผ่านทุกช่องทาง

แต่เมื่อวานนี้ เขาได้ประกาศผ่านคนใกล้ชิดแล้วว่า เขาได้ยอมรับความความพ่ายแพ้ แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้งก็ตาม

ดังนั้นแถลงการณ์ล่าสุดนี้ จึงนับว่าเป็นครั้งแรกที่เราเห็นทรัมป์พูดประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ผ่านคลิปวีดีโอต่อหน้าสาธารณชน ตั้งแต่มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เขาออกมาปกป้องการที่เขาไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยอธิบายว่า เพื่อปกป้องการปกป้องประชาธิปไตย
ก่อนจะทิ้งท้ายว่า ช่วงเวลาที่เขาได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีเป็นช่วงเวลาที่เป็นเกียรติในชีวิตของเขา และขอขอบคุณผุ้สนับสนุนที่ยอดเยี่ยมของเขาด้วย

แม้ว่าท้ายที่สุดทรัมป์จะออกมาประณามเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แต่การที่เขาในฐานะประธานาธิบดีเป็นคนเปิดปราศรัยกับกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวาน

ทำให้เขาเสียแนวร่วมจากพรรครีพับลิกันไปจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือสภาผู้แทนฯ เพราะหลายคนมองว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวานถูกปลุกปั่นโดยทรัมป์

คนที่ดูเหมือนจะตีตัวออกห่างทรัมป์ไปเลย คือไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี ที่ปกติแล้วเป็นคนที่ยืนหยัดเคียงข้างทรัมป์มาโดยตลอด

มีรายงานว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์บุกอาคารรัฐสภา ทรัมป์กับเพนซ์ไม่ได้พูดคุยกันเลยในตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาแหล่งข่าวใกล้ชิด 2 คน เปิดเผยว่า ทรัมป์โกรธที่เพนซ์ไม่ยืนข้างเขา ขณะที่เพนซ์เองก็รู้สึกผิดหวังและเสียใจต่อการกระทำของทรัมป์เมื่อวานนี้

โดยเมื่อวานนี้เพนซ์เป็นประธานประชุมสภาคองเกรสในการรับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายนอกสภาฯ แค่ไหน เพนซ์เองก็ทำหน้าที่ตามกระบวนการประชาธิปไตยทุกขั้นตอน สะท้อนว่าเพนซ์เองยืนหยัดต่อขั้นตอนการถ่ายโอนอำนาจ แม้ว่าผู้นำของเขาจะมีท่าทีที่แตกต่างออกไปก็ตาม

ซึ่งถัดจากนี้ เพนซ์จะถือว่าเป็นคีย์สำคัญในการชี้ชะตาว่า ทรัมป์จะสามารถถูกปลดออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีได้หรือไม่ในข้อกล่าวหาว่าเขาปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง

ข้อเรียกร้องนี้เป็นข้อเรียกร้องของพรรคเดโมแครต ที่จะใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 ในการปลดประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งในกรณีที่ประธานาธิบดีปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสม แต่มันจะต้องได้รับการเห็นด้วยโดยรองประธานาธิบดี และสมาชิกคณะรัฐบาลอีก 8 คนด้วย

ซึ่งเมื่อวานสมาชิกพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่ก็ออกมาประณามเหตุการณ์เมื่อวานว่าเป็นความอับอายของชาติ ดังนั้นก้าวต่อไปของเพนซ์จึงน่าจับตามองอย่างมาก ว่าเขาจะร่วมปลดทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ในเวลาอีกเพียง 13 วันที่ทรัมป์จะพ้นตำแหน่งหรือไม่

ขณะที่เดอะนิวยอร์กไทมส์รายงานว่า แหล่งข่าวใกล้ชิดประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เปิดเผยว่า ตั้งแต่สิ้นสุดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ทรัมป์ได้หารือกับทีมงานเพื่อปรึกษาถึงความเป็นไปได้ในการอภัยโทษตัวเอง ว่าถ้าหากเขาอภัยโทษตัวเองจะมีผลกระทบทางการเมืองและทางกฎหมายมากน้อยเพียงใด แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การอภัยโทษตัวเองนั้นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บุกอาคารรัฐสภาเมื่อวานหรือไม่

ซึ่งจริงๆ แล้วทรัมป์เคยมีแนวคิดจะอภัยโทษตัวเองมาก่อนเมื่อปี 2018 หลังจากในช่วงนั้นเขาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนกับการที่รัสเซียแทรกแซงผลการเลือกตั้ง ซึ่งในตอนนั้นบรรดานักกฎหมายเองก็ยังถกเถียงกันว่า สุดท้ายแล้วในทางกฎหมาย ประธานาธิบดีมีอำนาจในการสั่งอภัยโทษตัวเองได้หรือไม่

แม้ว่าทวิตเตอร์จะกลับมาอนุญาตให้ทรัมป์กลับมาใช้งานบัญชีของตัวเองได้แล้ว หลังจากบล็อคบัญชีของทรัมป์ไปเป็นเวลา 12 ชั่วโมง แต่มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊กประกาศว่า บัญชีเฟซบุ๊กของทรัมป์จะถูกสั่งบล็อคไปอย่างน้อยจนกว่าทรัมป์จะหมดวาระในอีก 13 วันข้างหน้า

 เช่นเดียวกับบัญชีอินสตาแกรมของเขาที่จะถูกสั่งบล็อคเช่นเดียวกัน ซึ่งตั้งแต่สิ้นสุดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โพสต์ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กของเขาที่กล่าวหาว่ามีการโกงการเลือกตั้งก็ถูกป้ายขึ้นเตือนเป็นประจำว่า เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

ถอดมุมมอง ม็อบหนุน “ทรัมป์” บุกป่วนรัฐสภาสหรัฐฯ

 

 

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ