ผ่านมาราว 3 สัปดาห์แล้วหลังจากที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ระดมกำลังพลสำรอง 300,000 นายเพื่อไปช่วยสนับสนุน “ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน” ซึ่งทำให้ปูตินเจอกับกระแสต่อต้านจากประชาชน และทำให้พลเรือนชายหลายหมื่นคนพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) ปูตินบอกว่า การระดมกำลังพลจะแล้วเสร็จภายในอีก 2 สัปดาห์ โดยขณะนี้ระกมกำลังสำรองมาได้แล้ว 222,000 นาย โดยในจำนวนนี้มี 33,000 นายเข้าประจำการในหน่วยทหารแล้ว และมีอยู่ 16,000 นายที่ไปต่อสู้ในสมรภูมิจริงแล้ว
รับค่าใช้จ่ายไม่ไหว! อีลอน มัสก์ ยุติการสนับสนุนอินเทอร์เน็ตให้ยูเครน
“นาโต” ประกาศซ้อมยิงระเบิดนิวเคลียร์ ชี้ไม่เกี่ยวความตึงเครียดทั่วโลก
รัสเซียอ้าง จับผู้เกี่ยวข้องเหตุระเบิดสะพานเชื่อมไครเมียได้แล้ว 8 ราย
ปูตินกล่าวว่า คำสั่งระดมกำลังพลสำรองครั้งนี้เป็นเรื่องที่จำเป็น เนื่องจากพื้นที่ในแนวหน้ามีขนาดยาวเกินกว่าที่จะปกป้องได้ด้วยทหารสัญญาบัตรที่ประจำการอยู่ในกองทัพเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องมีกำลังมาเสริม โดยกำลังพลสำรองเหล่านี้จะถูกนำไปเสริมการต่อสู้ตามแนวหน้า 1,100 กม. ที่กำลังเผชิญกับการตอบโต้อย่างหนักจากยูเครน
ส่วนความเป็นไปได้ที่ว่ารัสเซียจะประกาศระดมกำลังพลสำรองมาเกินกว่า 300,000 นายหรือไม่นั้น ปูตินตอบว่า กระทรวงกลาโหมยังไม่ได้รายงานหรือขออนุญาตในประเด็นดังกล่าว
“ไม่มีการวางแผนเพิ่มเติม ... ในอนาคตอันใกล้นี้ ผมไม่เห็นความจำเป็นใด ๆ เลย (ที่จะต้องระดมกำลังพลสำรองเพิ่ม)” ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าว
นอกจากนี้ ผู้นำรัสเซียยังกล่าวว่า “ในตอนนี้” เขาไม่มีแผนที่จะเริ่มการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ อย่างที่ทำในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลมากกว่า 100 ลูกไปยังเป้าหมายทั่วยูเครน
ปูตินยังบอกกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศด้วยว่า เมื่อวันที่เขาสั่งให้กองทหารรัสเซียเปิดฉากบุกเมื่อเกือบ 8 เดือนก่อนนั้น “เขาไม่เสียใจที่เริ่มต้นความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนครั้งนี้” และย้ำว่า “เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำลายยูเครน”
“สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่เป็นที่น่าพอใจ ถ้าจะพูดง่าย ๆ ... แต่เราจะได้ทั้งหมดนี้ในภายหลัง ภายใต้เงื่อนไขที่แย่กว่าสำหรับเรา ดังนั้นการกระทำของผมจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องและทันท่วงที”
เรียบเรียงจาก Al Jazeera / AP
ภาพจาก AFP
