ปูติน ยอมรับคิดเรื่องความสูญเสียในยูเครน แต่ต้องทำสงครามต่อ

สงครามในยูเครนดำเนินมากว่า 246 วันแล้ว ตอนนี้สงครามดำเนินมาถึงจุดอันตรายอีกครั้ง เมื่อฝ่ายรัสเซียเริ่มออกมาพูดประเด็นเกี่ยวกับนิวเคลียร์บ่อยครั้งขึ้น และมีการซ้อมกองกำลังนิวเคลียร์เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน หลายฝ่ายบอกว่า นี่คือการเตือนว่ารัสเซียมีโอกาสจะใช้นิวเคลียร์ ไพ่ตายใบสุดท้าย หากรัสเซียพ่ายแพ้หรือสูญเสียกำลังพลจำนวนมากในสนามรบ ซึ่ง ประธานาธิบดีปูติน เผยความในใจ คิดถึงเรื่องความสูญเสียของรัสเซียจากปฏิบัติการพิเศษทางการทหารนี้อยู่เสมอ 

เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 2 ลูกตกนอกชายฝั่งตะวันออก

"วันลอยกระทง" 8 พ.ย.65 ชมปรากฎการณ์ “จันทรุปราคาเต็มดวง” เห็นด้วยตาเปล่าทุกภาคทั่วไทย

วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวถึง การทำสงครามในยูเครน ขณะที่เดินทางไปร่วมงานสัมมนาของวัลได อินเทอร์เนชั่นนัล ดิสคัสชัน คลับ ที่จัดขึ้น ณ กรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย โดยผู้นำรัสเซีย บอกว่า ตอนนี้ชาติตะวันตกกำลังเล่นเกมกับรัสเซียอยู่ แต่เกมดังกล่าวเป็นเกมที่อันตราย เปื้อนเลือด และสกปรก พร้อมกันนี้ยังย้ำว่า ตอนนี้โลกกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้นำรัสเซียจะพูดตำหนิชาติตะวันตก ว่าเป็นผู้ผูกขาดอำนาจ และความชอบธรรมในระบบระหว่างประเทศ แต่เขาย้ำว่ารัสเซียในฐานะที่เป็นชาติที่มีอารยะ ไม่เคยมองชาติตะวันตกเป็นศัตรู เพราะการเกลียดกลัวชาติใดชาติก็ตาม เป็นหนึ่งในรูปแบบของการเหยียดเชื้อชาติ หรือ ที่เรียกว่า Racism

นอกจากนี้ บนเวทีผู้นำรัสเซีย ยังได้พูดถึงประเด็นที่สำคัญอย่างการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย และยูเครนด้วย โดยประธานาธิบดีปูติน กล่าวว่า รัสเซียแถลงอยู่เสมอว่าพร้อมสำหรับการเจรจาสันติภาพ แต่ฝ่ายยูเครน คือ ฝ่ายที่ไม่พร้อม 

ผู้นำรัสเซีย ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ปัญหาดังกล่าวแก้ได้ง่ายเพียงแค่ให้สหรัฐฯ บังคับยูเครนปรับจุดยืนและมาเจรจาสันติภาพเพื่อหาทางออกร่วมกัน 

ด้านสำนักข่าวเคบีเอสเวิลด์ (KBS World) ของเกาหลีใต้รายงานว่า ประธานาธิบดีปูติน พูดเตือนเกาหลีใต้ ขณะที่ร่วมงานเสวนาวัลไดคลับ ว่า การส่งอาวุธหนักไปยังยูเครน อาจจะบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเกาหลีใต้ และรัฐบาลรัสเซีย  

การเตือนของประธานาธิบดีปูตินในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่มีข่าวลือว่า เกาหลีใต้อาจส่งอาวุธหนักต่างๆ ไปช่วยเหลือยูเครนเช่นเดียวกับชาติพันธมิตรอื่นๆ ของสหรัฐฯ การถูกกล่าวถึงบนเวทีวัลไดในครั้งนี้ ทำให้ยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ออกมาให้สัมภาษณ์ โดยปฏิเสธว่า เกาหลีใต้ไม่ได้จัดหาหรือส่งอาวุธหนักไปให้แก่ยูเครน และยังย้ำว่าเกาหลีใต้พยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาสันติภาพและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศไว้

ที่ผ่านมา เกาหลีใต้เป็นหนึ่งประเทศที่ให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนเช่นกัน แต่ส่วนมากเป็นการช่วยเหลือในด้านมนุษยธรรม เช่น อุปกรณ์ฉุกเฉิน เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ และเครื่องช่วยหายใจ

นักวิเคราะห์ มองว่า การที่เกาหลีใต้ประกาศไม่ส่งอาวุธหนักไปช่วยยูเครนเป็นเพราะ 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และปัจจัยด้านการเมืองบนคาบสมุทรเกาหลี เพราะรัสเซีย คือพันธมิตรรายใหญ่และมีผลต่อพฤติกรรมของรัฐบาลเกาหลีเหนือ

หลังจากที่วันนี้ ฮาลุก แบย์แรคทาร์ CEO ของบริษัทแบย์แรคทาร์ บริษัทอาวุธของตุรกีออกมาเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีแผนจะก่อสร้างโรงงานผลิตโดรนในประเทศยูเครนให้แล้วเสร็จภายในปี 2024 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า โดยที่ผ่านมา CEO ของแบย์แรคทาร์ ได้บริจาคโดรนของบริษัทให้แก่ยูเครนจำนวนหลายลำ เพื่อใช้ในสงคราม พร้อมประกาศว่าจะสนับสนุนยูเครนต่อไปและจะไม่มีขายโดรนให้รัสเซียเด็ดขาด จนเขาได้รับเหรียญรางวัลจากประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครน 

แบย์แรคทาร์ ทีบีทู เป็นอากาศยานไร้คนขับที่มีลักษณะคล้ายกับเครื่องบินขนาดเล็ก สามารถบินได้ที่เพดานความสูง 25,000 ฟุต มีกล้องติดตัว และสามารถติดอาวุธระเบิดชนิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ได้ (4 MAM-L laser-guided bombs) ปัจจุบันคาดว่า ยูเครนมีโดรนลำนี้อยู่ในครอบครองไม่ต่ำกว่า 60 ลำ ซึ่งในจำนวนนี้ มีแค่ไม่กี่สิบลำที่ถูกรัสเซียทำลายระหว่างปฏิบัติภารกิจ

โดรนแบย์แรคทาร์ มีประโยชน์กับยูเครนอย่างมากในสนามรบ เพราะทางยูเครนได้ใช้เพื่อสอดแนมความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซียในภูมิภาคดอนบาส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีขีปนาวุธต่อต้านอากาศจำนวนมาก ทำให้เครื่องบินของกองทัพอากาศยูเครนไม่สามารถเข้าถึงได้ 

สำหรับบทบาทของโดรนแบย์แรคทาร์ ที่เห็นได้ชัดที่สุดในสงครามยูเครน คือ การช่วยกองทัพยูเครนจมเรือ “มอสควา" ซึ่งเป็นเรือธงของรัสเซียในทะเลดำเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยสื่อต่างประเทศ รายงานว่า มีคนพบเห็นโดรนแบย์แรคทาร์ประจำการอยู่ที่ท่าเรือเมืองโอเดสซา 2 วัน ก่อนที่เรือมอสควา จะถูกยูเครนทำลายจนล่มลงก้นทะเลดำ