เมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.) คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีน หรือ NHC ประกาศว่า จะยกเลิกมาตรการบังคับให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศต้องกักตัวเฝ้าระวังอาการโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม เป็นต้นไป รวมถึงจะผ่อนคลายแผนการจัดการการระบาดโควิด-19 ของประเทศจากระดับ A ที่มีความเข้มงวดสูงสุด ลงมาเป็นระดับ B เนื่องจากอาการป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นรุนแรงน้อยลงแล้ว และน่าจะค่อย ๆ กลายมาเป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจแบบธรรมดาในอนาคตอันใกล้
สี จิ้นผิง สั่งเข้มต้องพร้อมรับมือการระบาดโควิด เจาะกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
จีนเปิดประเทศเต็มสูบ 8 ม.ค.66 เปิดโผ 11 หุ้นไทย คาดได้อานิสงส์เต็ม ๆ
โดยก่อนจะถึงวันที่ 8 มกราคมนี้ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีนยังต้องกักตัวภายในพื้นที่ที่รัฐบาลจัดไว้เป็นเวลา 5 วันก่อนจะไปแยกตัวที่บ้านตนเองอีก 3 วัน
แต่หลังการยกเลิกมาตรการดังกล่าวแล้ว ผู้ที่เดินทางมาจีนยังต้องทำการตรวจหาการติดเชื้อด้วยระบบ PCR ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทาง
ส่วนการเดินทางออกนอกประเทศนั้น คณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า กระบวนการอนุญาตให้ประชาชนในจีนเดินทางออกนอกประเทศจะกลับมาทำการอีกครั้งในไม่ช้าเช่นกัน
ซึ่งหลังจากที่มีรายงานข่าวการผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดน ชาวจีนก็พากันเข้าเว็บไซต์บริการด้านการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
ข้อมูลจากเว็บไซต์ “ซีทริป” (Ctrip) แสดงให้เห็นว่า ยอดค้นหาจุดหมายปลายทางนอกประเทศยอดนิยมเพิ่มขึ้น 10 เท่า ภายในครึ่งชั่วโมง หลังจากที่ข่าวออกมา โดยมาเก๊า ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ มียอดค้นหามากที่สุด
เช่นเดียวกับ ข้อมูลจากเว็บไซต์ “ชวู่หน่าร์ (Qunar)” อีกหนึ่งแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว ระบุว่า ภายใน 15 นาที หลังข่าวออก ยอดค้นหาเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 7 เท่า มากที่สุดคือเที่ยวบินไปไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
หอการค้าชี้จีนยกเลิกคุมโควิดส่งผลดีไทย
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีประเทศจีนได้ประกาศยกเลิกมาตรการกักกันโรคโควิด-19 นักเดินทาง โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมนี้ มองว่า จะมีผลดีต่อประเทศไทยและเศรษฐกิจไทยในทุกด้านถือว่าเป็นข่าวดีและสุดยอดอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่ทราบแม้จีนจะเปิดประเทศช้า แต่เชื่อว่าแนวทางเลิกมาตรการกักกันโควิด-19 ครั้งนี้ จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถออกไปท่องเที่ยวทั่วโลกได้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่เริ่มมีอากาศหนาวเย็นและเป็นเมืองที่ชาวจีนต้องการเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับ 1 ของโลก และไม่เพียงคนจีนเท่านั้น หลายเชื้อชาติสนใจเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น โดยเห็นว่าไทยมีจุดสนใจเที่ยวมากกว่าประเทศอื่น
คาดนทท.จีนเพิ่ม 5 ล้านคน แนะทุกฝ่ายเตรียมพร้อม
ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากจีนยกเลิกมาตรการกักกันโควิด เชื่อว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเข้ามาเที่ยวในไทยเกินกว่า 5 ล้านคน และยิ่งปัญหาโควิด-19 เบาลงคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาไทยมากกว่านี้แน่นอน
แต่สิ่งที่ภาคเอกชนยังกังวลคือ การเตรียมการต้อนรับของไทยมีความพร้อมแค่ไหน เพราะในเวลานี้แม้เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 จนถึงไตรมาสที่ 4 แต่โดยภาพรวมความพร้อมของภาคธุรกิจ เช่น โรงแรม สถานที่พักบุคคลกรและอื่นๆ ของไทยยังไม่กลับมาเต็มที
ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวหลายชาติกลับมาเที่ยวในไทย แต่คนไทยยังไม่มีความพร้อมเต็มที่จะมีปัญหาได้ ภาครัฐบาลจะต้องเร่งหาทางแก้ไขและเตรียมความพร้อมเป็นการด่วน
ในส่วนของเศรษฐกิจภาพรวม แม้จะมีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะพลิกฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็วในช่วงปีหน้า แต่ในระยะสั้น ไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนนับจากนี้ จะยังคงมีความปั่นป่วน เนื่องจากคนทำงานป่วยโควิดเพิ่มขึ้น
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ร้านค้าหลายแห่งในกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และอีกหลายๆ เมือง ต้องปิดบริการ เพราะพนักงานไม่สามารถมาทำงานได้ ขณะที่โรงงานหลายแห่งเริ่มให้คนงานลากลับบ้านเพื่อเตรียมฉลองวันหยุดเทศกาลตรุษจีนปลายเดือนมกราคมแล้ว
นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน (JPMorgan) ระบุว่า ความกังวลผลกระทบชั่วคราวต่อระบบซัพพลายเชนยังคงมีอยู่ เนื่องจากแรงงานได้รับผลกระทบจากการระบาด โดยจากการติดตามการใช้บริการรถไฟใต้ดินใน 29 เมืองของจีน พบว่า คนจำนวนมากลดการเดินทางไปไหนมาไหนในช่วงที่ไวรัสระบาด
ขณะเดียวกัน ข้อมูล ณ วันนี้ แสดงให้เห็นว่า ผลกำไรทางอุตสาหกรรมของจีนระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ลดลง 3.6 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว เทียบกับตัวเลขระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคม ที่ลดลง 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดที่บังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้ว ในภูมิภาคที่เป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญ
ส่วนการยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางนั้นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจีนแน่นอน แต่ต้องมีปัจจัยเสริมอื่นๆ ที่แข็งแรงด้วย
นายแดน หวัง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารฮั่งเส็งจีนระบุว่า การเดินทางระหว่างประเทศน่าจะเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่อาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่ตัวเลขจะกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดใหญ่ โดยตอนนี้ โควิดยังคงระบาดเกือบทั่วประเทศจีน และส่งผลกระทบต่อตารางการทำงานปกติ การสูญเสียความสามารถในการผลิตนั้นมีผลกระทบอย่างมาก และแรงกดดันจากเงินเฟ้อในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าอาจรุนแรงขึ้น เนื่องจากการผลิตไม่สามารถฟื้นตัวได้ทันกับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นทันทีทันใด