นาย เอมิน นาสเซอร์ (Amin Nasser) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอรามโกของซาอุดีอาระเบีย ระบุว่าแม้สถานการณ์ตลาดน้ำมันโลกจะยังมีความต้องการที่ไม่สูงมากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงและอุตสาหกรรมการบินที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เชื่อว่าแนวโนมกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้
นาสเซอร์ กล่าวว่าในส่วนของน้ำมันดิบ ยังมีกำลังการผลิตสำรองที่สามารถรับมือกับผลกระทบต่างๆ ได้เช่นวิกฤตสงครามยูเครน-รัสเซีย
ประธานเฟดติดโควิด-19 คาดหายทันประชุมเฟดครั้งต่อไป
น้ำมันโลกราคาพุ่ง 7 วันติด จีนนำเข้าเพิ่มขึ้น ดอลลาร์อ่อนยวบ
แต่ในระยะกลางและระยะยาว หากกำลังการผลิตสำรองถูกใช้มากขึ้นไปเรื่อยๆ ผู้ผลิตน้ำมันก็จะไม่สามารถผลิตน้ำมันออกมาได้อย่างเพียงพอเพื่อบรรเทาผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตลาดได้
โดย นาสเซอร์ อธิบายว่าปัจจุบันกำลังการผลิตสำรองของน้ำมันดิบอยู่ที่วันละ 2 ล้านบาเรลล์ ซึ่งหากในปี 2023-2024 นี้ อุตสาหกรรมการบินกลับมาฟื้นตัวสู่ระดับปกติเท่ากับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้ต้องใช้น้ำมันในส่วนนี้มาไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง หรือ วันละ 1 ล้านบารเรลล์ อีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอีก คือ การเปิดประเทศของจีน หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางของประชาชน
นอกจากนี้นโยบายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดของหลายประเทศยังทำให้การลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตนำมันอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งหากพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้บวกกับเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศที่เริ่มดีขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องลงทุนในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เพื่อรองรับความต้องการในอนาคต
โดย นาเซอร์ ระบุว่าสถานการณ์โลกเมื่อปีที่แล้วทำให้หลายประเทศในยุโรปเกิดความกังวลในด้านพลังงาน ทำให้หลายชาติกลับไปใช้ถ่านหิน ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาดควรคำนึงถึงความสมดุลด้วย ซึ่งพลังงานแบบดั้งเดิมควรได้รับการสนับสนุนควบคู่กันไป ด้วยกันหาทางขยายพื้นที่เก็บกักคาร์บอน
นอกจากนี้ นาเซอร์ ยังเสนอแนวคิด 3 เหลี่ยมพลังงานงานนั่นคือ มั่นคง ราคาไม่สูง และ ยั่งยืน เพื่อทำให้ความพยายามแก้ไขปัญโลกร้อนประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
สำหรับการประเมินสถานการ์ตลาดน้ำมันโลกของ นาสเซอร์ สอดคล้องกับรายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศเมื่อวันพุธที่คาดการณ์ว่าในปี 2023 นี้ ความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะอยู่ที่วันละ 101.7 ล้านบาเรลล์ เพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาเรลล์ โดยความต้องการใช้งานครึ่งหนึ่งมาจากประเทศจีน ขณะที่ปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นเพียงวันละ 1 ล้านบาร์เรลล์ ซึ่งอาจผลักดันราคาน้ำมันกลับไปยืนเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรลล์อีกรอบ
