ตำรวจมือฆ่า “จอร์จ ฟลอยด์” ถูกแทงในเรือนจำ เจ็บหนักแต่ปลอดภัยแล้ว

เผยแพร่ 27 พ.ย. 2566 ,10:29น.

เดเร็ก ชอวิน ตำรวจที่กดคอ จอร์จ ฟลอยด์ จนเสียชีวิต ถูกแทงขณะอยู่ในทัณฑสถานกลางเมืองทูซอน เจ็บสาหัส แต่ล่าสุดปลอดภัยแล้ว

หากใครยังจำกันได้ เมื่อปี 2020 ได้เกิดคดีที่สั่นสะเทือนไปทั้งสหรัฐฯ และทั่วโลก นั่นคือกรณีการเสียชีวิตของ “จอร์จ ฟลอยด์” ในเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซตา โดยผู้ก่อเหตุคือนายตำรวจ เดเร็ก ชอวิน (Derek Chauvin) ที่ตรึงฟลอยด์ไว้กับพื้นโดยใช้เข่ากดไว้ที่คอของเขานานกว่า 9 นาที

จากบันทึกวิดีโอโดยผู้ที่อยู่ละแวกนั้น ได้ยินเสียงฟลอยด์พูดซ้ำ ๆ ว่า “ผมหายใจไม่ออก (I can’t breathe)” ในที่สุด ฟลอยด์ก็หมดสติ และเสียชีวิตก่อนที่จะไปถึงโรงพยาบาล

ตำรวจมือฆ่า “จอร์จ ฟลอยด์” ถูกพิพากษาจำคุก 22 ปี 6 เดือน

วัยรุ่นที่ถ่ายคลิป “จอร์จ ฟลอยด์” เผย “ขอโทษที่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้”

36ข่าวแห่งปี : “เหยียดผิวสี” สู่คดี “จอร์จ ฟลอยด์” จุดประกาย “Black Lives Matter” ทั่วโลก

การเสียชีวิตของฟลอยด์จุดกระแส “Black Lives Matter” (ชีวิตคนดำก็มีค่า) และเกิดการประท้วงเรียกร้องสิทธิประชากรผิวสีทั่วโลก

ส่วนตัวของชอวินนั้น ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรม และถูกพิพากษาจำคุก 22 ปี 6 เดือน จาก “การใช้ตำแหน่งและอำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด รวมถึงพฤติการณ์ที่โหดร้ายต่อฟลอยด์”

ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ (24 พ.ย.) ชอวินซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานกลางเมืองทูซอน รัฐแอริโซนา ได้ถูกนักโทษอีกคนแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

สำนักงานเรือนจำยืนยันว่า ผู้ต้องขังถูกทำร้ายร่างกายเมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ของวันศุกร์ ตามเวลาท้องถิ่น โดยพนักงานที่เผชิญเหตุได้ควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวไว้และดำเนิน “มาตรการช่วยชีวิต” ก่อนที่ชอวินจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาและประเมินผลต่อไป

สำนักงานเรือนจำบอกว่า นอกจากชอวิน ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือผู้ต้องจขังรายอื่นได้รับบาดเจ็บ และสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ได้เข้ามาดูแลคดีนี้แล้ว นอกจากนี้ ได้มีประกาศสั่งห้ามเยี่ยมผู้ต้องขังชั่วคราว

ล่าสุด ไบรอัน โอฮารา ผู้บัญชาการตำรวจมินนิอาโปลิส รายงานว่า ชอวินน่าจะรอดชีวิตจากเหตุถูกแทงครั้งนี้

โอฮาราบอกว่า “ชอวินอยู่ในสภาวะคงที่แล้ว ... ได้ยินมาว่าชอวินน่าจะรอดชีวิต”

สำหรับทัณฑสถานกลางเมืองทูซอนนั้น มีนักโทษประมาณ 380 คน เป็นเรือนจำที่มีความปลอดภัยระดับปานกลาง ซึ่งประสบปัญหาด้านความปลอดภัยและการขาดแคลนบุคลากรมาโดยตลอด