และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ได้เสนอแผนหยุดยิงให้แก่ทั้งกลุ่มฮามาสและรัฐบาลอิสราเอลพิจารณา ซึ่งรัฐบาลอิสราเอลยินยอมในร่างข้อตกลงหยุดยิงฉบับนี้ เหลือเพียงกลุ่มฮามาสที่ยังไม่ตอบกลับรัฐบาลสหรัฐฯ
ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมา 10 มิ.ย. คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ได้ออกมาเรียกร้องให้กลุ่มฮามาสยอมรับร่างข้อตกลงที่เสนอโดยประธานาธิบดีไบเดน เพื่อให้สงครามในฉนวนกาซายุติลงโดยเร็ว ล่าสุด กลุ่มฮามาสได้ออกมาส่งสัญญาณบวกว่าอาจรับข้อตกลงหยุดยิงที่สหรัฐฯ เสนอในอนาคต
สำนักข่าวเดอะการ์เดียนรายงานว่า กลุ่มฮามาสได้ออกแถลงการณ์ยอมรับข้อมติที่สนับสนุนร่างการหยุดยิงในฉนวนกาซาแล้ว และยืนยันว่าพร้อมสำหรับการเจรจาในอนาคต
หลังจากที่มีแถลงการณ์ดังกล่าว แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเยือนอิสราเอล ได้ระบุว่า นี่ถือเป็นสัญญาณบวกที่จะนำไปสู่การเจรจาหยุดยิงในอนาคต
การออกมายอมรับเช่นนี้ เกิดขึ้นหลังเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ ชาติสมาชิก UNSC จำนวน 15 ชาติได้เปิดประชุมร่วมกันเพื่อลงคะแนนเสียงข้อมติที่สนับสนุนให้กลุ่มฮามาสและอิสราเอล ยอมรับข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาที่เสนอโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ผลการลงมติปรากฏว่า UNSC เห็นชอบกับร่างข้อมติดังกล่าว โดยเห็นชอบ 14 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง โดยชาติที่งดออกเสียงคือรัสเซีย หลังจากเสร็จสิ้นการลงมติ ลินดา โธมัส-กรีนด์ฟิลด์ เอกอัครราชทูตถาวรสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ได้ระบุว่า
วันนี้ 11 มิ.ย. UNSC ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังกลุ่มฮามาสว่าให้ยอมรับข้อตกลงหยุดยิง เนื่องจากอิสราเอลยอมรับข้อตกลงฉบับนี้แล้ว และหากกลุ่มฮามาสยินยอม สงครามในฉนวนกาซาจะจบลงได้ในวันนี้
ด้านริยาด มันซูร์ เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำสหประชาชาติ ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า ปาเลสไตน์ภายใต้การบริหารของกลุ่ม PA ยินดีกับมตินี้ ทั้งยังพร้อมและเต็มใจที่จะร่วมกระบวนการกับผู้ไกล่เกลี่ย เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ทันที
ข้อตกลงหยุดยิงของสหรัฐฯ ที่ได้รับการสนับสนุน จนกลายเป็นข้อมติของ UNSC ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง และเหตุใดชาติสมาชิก UNSC ถึงยินยอม แม้สหรัฐฯ จะเป็นพันธมิตรสำคัญกับอิสราเอล
ร่างข้อตกลงหยุดยิงของสหรัฐฯ ชุดนี้ถูกเสนอโดยประธานาธิบดีไบเดนเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื้อหาสาระของร่างข้อตกลงหยุดยิงฉบับนี้มี 3 ส่วน
ระยะแรกแรก ข้อตกลงหยุดยิงจะเริ่มต้นด้วยการหยุดยิงทันทีและการปล่อยตัวประกันเพื่อแลกกับนักโทษชาวปาเลสไตน์ ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำต่างๆ ของอิสราเอล ในระยะแรกนี้ ร่างข้อตกลงจะมีกรอบเวลาประมาณ 6 สัปดาห์ และสามารถขยายระยะเวลาได้จนกว่าทั้งสองฝ่ายจะเปิดการเจรจาระยะที่สองสำเร็จ
ขณะที่ระยะที่สอง จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อข้อตกลงเฟสแรกเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ โดยจะเป็นระยะที่นำไปสู่การหยุดยิงแบบถาวร การปล่อยตัวประกันที่ยังเหลืออยู่ในความควบคุม และการถอนทหารอิสราเอลทั้งหมดออกจากฉนวนกาซา
ส่วนระยะที่สามหรือระยะสุดท้ายของข้อตกลงหยุดยิง คือการเริ่มกระบวนการฟื้นฟูฉนวนกาซาเพื่อให้ชาวปาเลสไตน์ สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
สำหรับกระบวนการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงฉบับนี้ รัฐบาลอิสราเอลได้ตกลงรับร่างข้อตกลงฉบับนี้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงฝ่ายฮามาสที่ยังไม่ตอบกลับข้อตกลงฉบับนี้
ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ซามี อาบู ซูฮ์รี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาสได้ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯ กดดันอิสราเอลให้ยุติสงครามก่อนที่จะเปิดการเจรจา พร้อมกับย้ำว่าฮามาสพร้อมที่จะเจรจายุติสงคราม
การออกมาเรียร้องของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาส เกิดขึ้นก่อนที่แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะเดินทางเข้าพบกับนายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล
ในระหว่างการเยือนอิสราเอลรอบที่ 8 นับตั้งแต่เกิดสงครามในฉนวนกาซา รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พูดกดดันให้กลุ่มฮามาสรับข้อตกลงที่เสนอโดยประธานาธิบดีไบเดน โดยย้ำว่าถ้ากลุ่มฮามาสตกลง สงครามจะจบในทันที
นอกจากกดดันกลุ่มฮามาสแล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้เรียกร้องให้ผู้นำของรัฐในตะวันออกกลางร่วมกันกดดันให้กลุ่มฮามาสยอมรับข้อตกลงหยุดยิงเพื่อจบสงครามในฉนวนกาซา
ด้านสำนักข่าววอชิงตันโพสต์รายงานว่า หนึ่งในประเทศที่ถูกสหรัฐฯ กดดันคือ กาตาร์ ซึ่งเป็นคนกลางในการเจรจา และมีหน่วยงานของกลุ่มฮามาสอยู่ในประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกในการเจรจา
โดยทางการกาตาร์ถูกรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กดดันให้ยื่นข้อเสนอต่อกลุ่มฮามาสเพื่อให้รีบตกลงรับร่างข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยผู้นำสหรัฐฯ และถ้ากลุ่มฮามาสไม่รับข้อเสนอดังกล่าว ก็จะถูกทางการกาตาร์เนรเทศออกจากกรุงโดฮา เมืองหลวงประเทศ
นอกจากเพื่อรักษาชีวิตและความปลอดภัยของชาวปาเลสไตน์นับล้านชีวิตในฉนวนกาซาแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลายฝ่ายต้องการให้กลุ่มฮามาสและอิสราเอลบรรลุข้อตกลง คือการปล่อยตัวประกันที่ถูกคุมขังมานาน 8 เดือน
เพราะถ้าตัวประกันเหล่านี้ยังไม่ถูกปล่อยตัวออกมาผ่านการทำข้อตกลงหยุดยิง กองทัพอิสราเอลจะเดินหน้าทำปฏิบัติการทางการทหารต่อ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของพลเรือนในฉนวนกาซามากกว่าเดิม
ท่ามกลางความกังวลเรื่องการบุกเข้าไปช่วยเหลือตัวประกัน ล่าสุดทางการอิสราเอลได้ปล่อยภาพวิดีโอของปฏิบัติการออกมา
ภาพขณะที่หน่วยรบพิเศษของกองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลหรือ IDF บุกเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
บรรยากาศในการช่วยเหลือตัวประกันเป็นไปอย่างดุเดือดโดยมีทั้งการปะทะต่อสู้ และการพยายามช่วยเหลือตัวประกันออกมา
อย่างไรก็ดี การช่วยเหลือตัวประกันของ IDF รอบนี้ ผู้ใช้สื่อและบัญชีโซเชียลมีเดียจำนวนไม่น้อยระบุว่า กองทัพอิสราเอลอาจใช้ท่าเรือเพื่อมนุษยธรรมของสหรัฐฯ สนับสนุนภารกิจ
ล่าสุด พลจัตวาแพทริก ไรเดอร์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว พร้อมกับยืนยันว่ากองทัพอิสราเอลไม่ได้ใช้ท่าเรือชั่วคราวสำหรับปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันด้วยเฮลิคอปเตอร์ โดยเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศอิสราเอลเพียงแค่จอดใกล้พื้นที่ท่าเรือชั่วคราวเท่านั้น
ด้านตัวประกันที่ได้รับการช่วยเหลือออกมา ตอนนี้ทั้งหมดได้พบกับครอบครัวที่พลัดพรากกันมานานกว่า 8 เดือนแล้ว
หนึ่งในพ่อของตัวประกันหญิงรายหนึ่งได้ขอบคุณและชมกองทัพอิสราเอลว่า เป็นกองกำลังที่ยอดเยี่ยมและเป็นกองกำลังที่ดีที่สุดในโลก
ขณะเดียวกัน บรรดาพ่อแม่และญาติของตัวประกันสัญชาติอิสราเอล-สหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในการควบคุมตัวของกลุ่มฮามาส ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ปฏิบัติการช่วยเหลือเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นปฏิบัติการที่เฉพาะตัวและประสบความสำเร็จก็จริง แต่วิธีการทางการทหารเช่นนี้สามารถช่วยตัวประกันออกมาได้ 7 คนเท่านั้นในระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา
ขณะที่การทำข้อตกลงเพื่อแลกเปลี่ยนตัวประกันในรอบแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2023 ที่ผ่านมา สามารถช่วยตัวประกันได้ถึง 105 คน
ดังนั้นพวกเขาจึงหวังว่า ตัวประกันที่เหลือจะถูกช่วยออกมาผ่านกระบวนการเจรจาและหวังว่าการเจรจาของสหรัฐฯ จะทำให้ตัวประกันสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
นอกจากตัวประกันกว่า 120 ชีวิตที่ถูกคุมขังอยู่ในฉนวนกาซา ล่าสุดกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ซึ่งเป็นพันธมิตรฝ่ายสนับสนุนฉนวนกาซา ได้ออกมาระบุว่าสามารถจับกุมสายลับเชื้อสายอเมริกัน-อิสราเอลได้หลักสิบราย
ตามเวลาท้องถิ่น อับดุล-ฮาคิม อัล-ไควานี ผู้อำนวยการสำนังานข่าวกรองของกลุ่มกบฏฮูตี ได้ออกมาแถลงข่าวระบุว่า
หน่วยงานสามารถจับกุมตัวสายลับเชื้อสายอเมริกัน-อิสราเอลได้ 11 ราย โดยทั้งหมดทำงานบ่อนทำลายความมั่นคงของเยเมนภายใต้การปกครองของรัฐบาลที่บริหารงานโดยฮูตี ผ่านการใช้ความคุ้มครองของประชาคมระหว่างประเทศและหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองของกลุ่มกบฏฮูตี ได้อ้างว่า ผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 11 รายนี้ ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคง การทหาร เศรษฐกิจ การเมืองของเยเมน และส่งมอบให้กับหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA รวมถึงหน่วยข่าวกรองอื่นๆ
ด้านสเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกองค์การสหประชาชาติ ได้ออกมาแถลงข่าวและตอบคำถามในเรื่องนี้ เนื่องจากผู้ที่ถูกจับกุมทั้ง 11 รายเป็นเจ้าหน้าที่ภายใต้สังกัดขององค์การสหประชาชาติ โฆษกองค์การสหประชาชาติระบุว่า ขณะนี้กำลังติดต่อกับหน่วยงานและฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้หน่วยงานของกลุ่มกบฏฮูตี ปล่อยเจ้าหน้าที่ทั้ง 11 รายออกมาโดยเร็วที่สุด
ไฟไหม้วอด! ร้านค้า 118 ห้อง ศูนย์รวมสัตว์เลี้ยงตลาดจตุจักร สัตว์ตายเกลื่อน!
WWDC 2024 เปิดตัว "iOS 18" พร้อม Siri โฉมใหม่พลัง AI
บุกจับญาติ “ชาดา” คาโรงแรมกลางกรุง มั่วสุมเสพยา ยึดอาวุธปืน-กระสุน