วันที่ 8 ธ.ค. เมื่อเวลา 07.52 น. ตามเวลาท้องถิ่น (05.52 น. ตามเวลาประเทศไทย) สำนักงานสอบสวนพิเศษของสำนักงานอัยการฉุกเฉินเกาหลีใต้ รายงานว่า อัยการที่ทำการสอบสวนกรณีประกาศกฎอัยการศึก 3 ธ.ค. ได้ดำเนินการสอบสวนกะทันหัน และจับกุมอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม “คิม ยอง-ฮยอน” ซึ่งถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในแกนนำ
สำนักงานสอบสวนพิเศษประกาศว่า “เราได้จับกุมอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คิม ยอง-ฮยอน ในกรณีฉุกเฉิน และยึดโทรศัพท์มือถือที่เขาพกติดตัว”
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นประมาณ 6 ชั่วโมงหลังอดีตรัฐมนตรีคิมปรากฏตัวที่อาคารสำนักงานอัยการเขตกลางกรุงโซล เมื่อเวลา 1:30 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยเจ้าตัวกล่าวว่า “ผมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการสอบสวนข้อสงสัย” และถูกสอบปากคำ
ทั้งนี้ ทีมอัยการพิเศษตัดสินว่า มีเงื่อนไขที่สามารถจับกุมอดีตรัฐมนตรีคิมเป็นการฉุกเฉินได้ นั่นคือพฤติการณ์เข้าข่ายข้อหากบฏภายใต้กฎหมายอาญาซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และมีข้อกังวลว่าหลักฐานที่เกี่ยวข้องอาจถูกทำลาย โดยเฉพาะจากผู้สมคบคิดอื่น
ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา หากมีเหตุผลอันสมควรที่จะสงสัยว่าผู้ต้องสงสัยได้ก่ออาชญากรรมที่ต้องรับโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุก 3 ปีขึ้นไป หรือมีข้อกังวลว่าหลักฐานอาจถูกทำลาย และหากเป็นเรื่องเร่งด่วนและไม่สามารถออกหมายจับได้ จะสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ
เมื่อไม่นานนี้ อดีตรัฐมนตรีคิมได้ปิดบัญชีเทเลแกรม (Telegram) และเปิดใช้บัญชีใหม่ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเขาอาจทำลายหลักฐานการพูดคุยที่เกี่ยวข้องกับการประกาศกฎอัยการศึก
ทีมสอบสวนพิเศษได้ยึดโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งของอดีตรัฐมนตรีคิม และดูเหมือนว่าพวกเขาจะดำเนินการกู้คืนเนื้อหาการสนทนาผ่านโปรแกรมเทเลแกรมผ่านกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์
อดีตรัฐมนตรีคิมเป็นรุ่นพี่ของประธานาธิบดี ยุน ซอกยอล ที่โรงเรียนมัธยมชุงนัม และมีรายงานว่าเป็นผู้ที่เสนอให้ยุนประกาศกฎอัยการศึก และเป็นผู้นำการประกาศกฎอัยการศึกร่วมกับประธานาธิบดี
ขณะนี้ อดีตรัฐมนตรีคิมซึ่งถูกจับกุมเป็นการฉุกเฉิน ได้ถูกส่งตัวไปยังศูนย์กักขังโซลตะวันออกแล้ว
เนื่องจากการสอบสวนดำเนินการในช่วงดึก จึงไม่ชัดเจนว่าจะมีการสอบสวนเพิ่มเติมในวันที่ 8 ธ.ค. หรือไม่
ทีมสอบสวนพิเศษมีแผนที่จะสอบสวนอดีตรัฐมนตรีคิมเพิ่มเติม และขอหมายจับภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากถูกจับกุม หากไม่ขอหมายจับหรือศาลไม่ออกหมายจับ อดีตรัฐมนตรีคิมจะต้องได้รับการปล่อยตัวทันที
เรียบเรียงจาก Yonhap