ท่ามกลางสงครามกลางเมืองในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกหรือดีอาร์คองโกที่ดำเนินมาหลายสัปดาห์ มีหนึ่งในสมรภูมิหลักคือเมืองโกมา ทางตะวันออกของประเทศ
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากสงครามดังกล่าวทำให้นักโทษชายจำนวนหลายพันคนในเรือนจำมูเซนเซของเมืองโกมา สบโอกาสและอาศัยจังหวะทำการแหกคุกออกมาและเผาเรือนจำ ที่น่าสลดใจคือ มีนักโทษหญิงมากกว่า 150 คนถูกข่มขืนและถูกไฟเผาจนตาย
เซอิฟ มากังโก โฆษกสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) กล่าวว่า นักโทษชายได้จุดไฟเผาเรือนจำ และลงมือข่มขืนนักโทษหญิง โดยมี 165 รายเสียชีวิต ส่วนใหญ่ในกองเพลิง และมีนักโทษหญิงเพียง 9-13 คนเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้ แต่ทั้งหมดถูกข่มขืนเช่นกัน
มากังโกกล่าวเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ว่า “เราไม่ได้ตรวจสอบรายงานของเจ้าหน้าที่ตุลาการด้วยตนเอง แต่เราถือว่าคำบอกเล่าของเขาเชื่อถือได้” และบอกว่านักโทษชายบางคนถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำสังหาร
การวางแผนแหกคุกหลบหนีเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่กองกำลังกบฏ M23 กำลังต่อสู้กับกองกำลังคองโกในเมืองโกมาเพื่อแย่งชิงอำนาจเหนือเมืองนี้
สถานีวิทยุโอคาปี ซึ่งเป็นสื่อแรกที่รายงานเรื่องนี้เมื่อวันที่ 3 ก.พ. รายงานว่า นักโทษมากกว่า 4,000 คนหลบหนีออกจากเรือนจำมูเซนเซในวันนั้น และระบุว่าเรือนจำแห่งนี้ “ว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง” และถูกทิ้งให้อยู่ในสภาพพังยับเยิน
แพทริก มูยายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารของดัอาร์คองโก ยืนยันว่ามีการข่มขืนนักโทษหญิง 165 คนจริง โดยกล่าวเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ว่า “รัฐบาลขอประณามอาชญากรรมอันโหดร้ายนี้”
ในสัปดาห์นี้ กลุ่มกบฏ M23 ซึ่งอ้างว่าสามารถยึดเมืองโกมาได้แล้ว ได้เรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมทันที หลังจากปะทะกับกองกำลังของรัฐบาลจนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 ราย
เรียบเรียงจาก CNN