วันที่ 18 มี.ค. กองทัพอิสราเอลระบุว่า กำลังดำเนินการโจมตีเป็นวงกว้างในพื้นที่ฉนวนกาซาอีกครั้ง โดยในเวลาประมาณ 02.20 ตามเวลาท้องถิ่น (07.20 น. ตามเวลาประเทศไทย) มีรายงานเสียงระเบิดดังต่อเนื่องทั่วกาซา
จากนั้นไม่นานกองทัพอิสราเอลได้ประกาศออกมาว่า “ภายใต้คำสั่งของฝ่ายการเมือง กองทัพอิสราเอลและกลุ่มชินเบตกำลังโจมตีเป้าหมายองค์กรก่อการร้ายฮามาสในฉนวนกาซาในวงกว้าง”
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกันเฟส 1 ที่กินเวลานาน 6 สัปดาห์หมดอายุไปเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา และการเจรจาหยุดยิงเฟส 2 ไม่มีความคืบหน้า
สำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่า อิสราเอลได้กลับมาปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาอีกครั้ง หลังจากที่กลุ่มฮามาสปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่จะขยายเวลาหยุดยิง
ขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้ให้คำมั่นว่าจะใช้ “กำลังทหารที่เพิ่มขึ้น” เพื่อต่อต้านกลุ่มฮามาส
เนทันยาฮูกล่าวว่า เขาสั่งให้กองทัพดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา โดยกล่าวโทษกลุ่มดังกล่าวว่าปฏิเสธที่จะปล่อยตัวนักโทษและไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของอิสราเอลเกี่ยวกับการหยุดยิง
สำนักงานนายกรัฐมนตรีระบุในแถลงการณ์ว่า “ขณะนี้กองกำลังป้องกันอิสราเอลกำลังโจมตีเป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายฮามาสทั่วทั้งฉนวนกาซา โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่ฝ่ายการเมืองกำหนด ซึ่งรวมถึงการปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวที่ยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตแล้ว จากนี้ไป อิสราเอลจะดำเนินการต่อต้านกลุ่มฮามาสด้วยกำลังทหารที่เพิ่มมากขึ้น”
ทางด้าน อิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าวในแถลงการณ์ว่า “คืนนี้ เรากลับมาสู้รบในกาซาอีกครั้ง”
แคตซ์ยังเสริมว่า “ประตูนรก” จะเปิดออกในฉนวนกาซา หากฮามาสไม่ปล่อยตัวประกันที่ยังถูกคุมขังอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์ทั้งหมด
ณ เวลา 09.00 น. ตามเวลาประเทศไทย แหล่งข่าวทางการแพทย์แจ้งสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาอยู่ที่อย่างน้อย 100 รายแล้ว
ขณะเดียวกัน ในแถลงการณ์ของกลุ่มฮามาส ประกาศว่า “เนทันยาฮูและรัฐบาลหัวรุนแรงของเขาได้ตัดสินใจที่จะยกเลิกข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งจะทำให้ตัวประกันในกาซาเสี่ยงต่อชะตากรรมที่ไม่ทราบแน่ชัด”
ด้าน แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ได้ออกมาเปิดเผยว่า อิสราเอลได้ปรึกษาหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเปิดฉากโจมตีฉนวนกาซาครั้งล่าสุด
“ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้วว่า ฮามาส ฮูตี อิหร่าน และกลุ่มที่พยายามสร้างความหวาดกลัว ไม่เพียงแต่ในอิสราเอลเท่านั้น แต่รวมถึงสหรัฐฯ ด้วย จะต้องพบกับราคาที่ต้องจ่าย และนรกจะบังเกิด” เธอกล่าว
เลวิตต์เสริมว่า “ฮูตี ฮิซบอลเลาะห์ ฮามาส อิหร่าน และกลุ่มก่อการร้ายที่อิหร่านให้การสนับสนุน ควรพิจารณาประธานาธิบดีทรัมป์อย่างจริงจัง เมื่อเขากล่าวว่าเขาไม่กลัวที่จะยืนหยัดเพื่อประชาชนผู้เคารพกฎหมายและยืนหยัดเพื่อสหรัฐฯ และอิสราเอลซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา”
เรียบเรียงจาก Al Jazeera / CNN