สถานีโทรทัศน์อัล-มาซิราห์ (al-Masirah TV) ของกลุ่มฮูตี เผยภาพของเหตุเพลิงไหม้และกลุ่มควันไฟในเวลากลางคืน หลังจากที่หลายพื้นที่ในกรุงซานา ของเยเมน ถูกโจมตี หนึ่งในนั้น คือ เขตอัล-จาร์ราฟ ซึ่งอยู่ติดกับสนามบินของกรุงซานา เหตุโจมตียังเกิดขึ้นในย่านที่อยู่อาศัย เขตอัล-ธอว์ราในกรุงซานา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
นอกจากนี้ ยังมีจังหวัด อัล-เบดา (al-Bayda) ทางตอนใต้ของเยเมน ที่ตกเป็นเป้าหมายในการโจมตี ซึ่งพื้นที่นี้ เป็นที่ตั้งของฐานทัพและโกดังเก็บอาวุธของกลุ่มกบฏฮูตี
ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐฯ เริ่มปฏิบัติการถล่มโจมตีเป้าหมายของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ตามคำสั่งของทรัมป์ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคนในเยเมน
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังขู่อิหร่านที่ให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ ว่าจะต้องรับผิดชอบ หากฮูตีก่อเหตุโจมตีเรือสินค้าอีกในอนาคต และเตือนว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรง
และล่าสุด เจ้าตัวยังโพสต์ผ่าน Truth Social เตือนอิหร่านให้ยุติการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับกลุ่มฮูตีทันที และปล่อยให้ฮูตีสู้ด้วยตนเอง เพราะปฏิบัติการโจมตีของสหรัฐฯ จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุด ฮูตีจะถูกกำจัดจนสิ้นซาก
อย่างไรก็ตาม กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน เคยออกมาชี้แจงว่า ฮูตีเป็นองค์กรอิสระ และมีอำนาจตัดสินใจด้านยุทธศาสตร์และปฏิบัติการด้วยตนเอง
แม้จะถูกถล่มโจมตีและข่มขู่อย่างหนักจากสหรัฐฯ แต่กลุ่มฮูตีประกาศจะยกระดับมาตรการตอบโต้ ซึ่งรวมไปถึงการโจมตีอิสราเอล ที่เป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ด้วย
ซึ่งล่าสุด เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า สามารถสกัดขีปนาวุธที่ยิงมาจากเยเมนได้ ซึ่งขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามาทำให้สัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังระงมทั้งในกรุงเทลอาวีฟ และนครเยรูซาเลม แต่ไม่มีรายงานว่ามีคนบาดเจ็บร้ายแรงจากเหตุโจมตีครั้งนี้
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 กลุ่มกบฏฮูตีได้ก่อเหตุโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงไปแล้วกว่า 100 ครั้ง เพื่อแสดงจุดยืนหนุนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ซึ่งเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น กระทบกับการขนส่งสินค้าทั่วโลก และทำให้สหรัฐฯ ต้องทุ่มงบมหาศาลในการสกัดขีปนาวุธ