ปาปัวนิวกินีสั่งแบน “เฟซบุ๊ก” หวังจำกัด “ข่าวปลอม-สื่อลามก”

รัฐบาลปาปัวนิวกินีได้สั่งปิดกั้นการเข้าถึงเฟซบุ๊ก แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยม โดยทางการอ้างว่าเป็น “การทดสอบ” เพื่อจำกัดการใช้ถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง ข้อมูลที่ผิดพลาด และสื่อลามก

การแบนกะทันหันซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านและนักวิจารณ์การเมือง ซึ่งเรียกการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

AFP/KIRILL KUDRYAVTSEV

ปีเตอร์ เซียมาลิลี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงตำรวจปาปัวนิวกินี ออกมาปกป้องการตัดสินใจดังกล่าว โดยกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้พยายามที่จะปิดกั้นเสรีภาพในการพูด แต่ “รัฐบาลมีความรับผิดชอบในการปกป้องพลเมืองจากเนื้อหาที่เป็นอันตราย”

เฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปาปัวนิวกินี โดยมีผู้ใช้ประมาณ 1.3 ล้านคน ซึ่งรวมถึงธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากที่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มนี้ในการขายของ

อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิจารณ์รัฐบาลท่ามกลางเสรีภาพสื่อที่ลดลงในประเทศด้วย ทำให้ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นเพราะรัฐบาลต้องการปิดปากผู้วิจารณ์

เนวิลล์ ชอย ประธานสภาสื่อมวลชนของปาปัวนิวกินีกล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าว “แทบจะเป็นระบอบเผด็จการทางการเมืองและการละเมิดสิทธิมนุษยชน”

ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าคือ หน่วยงานของรัฐอย่างน้อย 2 แห่งที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการสื่อสารและเทคโนโลยีกล่าวว่า พวกเขาไม่ทราบถึงแผนการของรัฐบาลมาก่อน

ด้าน อัลลัน เบิร์ด สส.ฝ่ายค้าน บอกว่า “ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าสู่ดินแดนอันตราย และทุกคนไม่มีอำนาจที่จะหยุดยั้งการกดขี่นี้”

ขณะที่ จอห์น โปรา ประธานองค์กรวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กังวลมากกว่าเกี่ยวกับผู้ค้าปลีกหลายพันรายที่หาเลี้ยงชีพด้วยเฟซบุ๊ก “เรามีคนทำงานในภาคส่วนไม่เป็นทางการประมาณ 200,000 คน และพวกเขารู้สึกไม่มั่นใจ ดังนั้น ผมหวังว่าระบบจะกลับมาออนไลน์เร็ว ๆ นี้เพื่อให้พวกเขาสามารถทำการค้าขายได้”

ทั้งนี้ แม้จะมีการปิดกั้น แต่ผู้ใช้จำนวนมากยังคงสามารถเข้าถึงเฟซบุ๊กได้โดยใช้เครือข่ายส่วนตัวเสมือน หรือ VPN

 

เรียบเรียงจาก BBC