การหารือทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ค. กินเวลานาน 2 ชั่วโมง โดยปูตินกล่าวระหว่างแถลงข่าวที่เมืองโซชิ ว่า การพูดคุยครั้งนี้ “มีสาระและเปิดเผยอย่างมาก” โดยเขาพร้อมที่จะทำงานร่วมกับกับยูเครนในการร่างบันทึกความเข้าใจสำหรับการเจรจาสันติภาพในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ผู้นำรัสเซียยังปฏิเสธที่จะยอมรับข้อเสนอหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข 30 วันจากสหรัฐฯ ซึ่งยูเครนได้เห็นชอบไปก่อนแล้ว
ปูตินย้ำว่า รัสเซียสนับสนุนการยุติการสู้รบ แต่จำเป็นต้องกำหนดแนวทางที่ได้ผลที่สุดที่จะนำไปสู่สันติภาพ “การพูดคุยเกิดขึ้นจริง และกินเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ผมอยากจะบอกว่าการสนทนาเป็นไปอย่างมีสาระ เปิดเผย และโดยรวมแล้วมีประโยชน์มากในมุมมองของผม”
เขาเสริมว่า “ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงจุดยืนเกี่ยวกับการหยุดยิง ส่วนผมเองก็กล่าวว่ารัสเซียเองก็สนับสนุนการแก้วิกฤตยูเครนโดยสันติ เราเพียงแค่ต้องกำหนดแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเดินหน้าสู่สันติภาพ ... ในขณะเดียวกัน ผมอยากชี้ให้เห็นว่าจุดยืนของรัสเซียนั้นชัดเจน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราคือการกำจัดต้นตอของวิกฤตนี้”
รัสเซียปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงระยะยาวมาตลอด โดยให้เหตุผลว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ยูเครนเสริมกำลังและจัดทัพใหม่ ในขณะที่กองกำลังรัสเซียกำลังได้เปรียบในสนามรบ
การแก้ปัญหาที่ต้นตอที่ปูตินกล่าว หมายถึงข้อเรียกร้องที่สุดโต่งของรัสเซีย ซึ่งอาจส่งผลต่ออธิปไตยของยูเครนอย่างร้ายแรง ข้อเรียกร้องเหล่านั้นประกอบด้วย การบังคับใช้ให้ยูเครนกำจัดลัทธินาซี ลดกำลังทหาร ห้ามยูเครนรับการสนับสนุนทางทหารจากชาติตะวันตก และจำกัดอธิปไตยของยูเครนอย่างกว้างขวาง
ขณะที่ฝั่งของทรัมป์แสดงมุมมองในเชิงบวกเกี่ยวกับการพูดคุยครั้งนี้มากกว่า โดยผู้นำสหรัฐฯ ได้โพสต์ผ่าน Truth Social ว่า การหารือเป็นไปด้วยดีมาก น้ำเสียงและบรรยากาศของการพูดคุยยอดเยี่ยมมาก รัสเซียและยูเครนจะเริ่มการเจรจาทันทีเพื่อหยุดยิง และที่สำคัญกว่านั้น เพื่อยุติสงคราม
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเสนอให้วาติกันเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาครั้งต่อไประหว่างรัสเซียและยูเครน “ผมคิดว่าถ้าจัดที่วาติกันได้จะดีมาก และอาจมีความหมายพิเศษเพิ่มเติม ผมเห็นว่ามีการพูดถึงเรื่องนี้เมื่อวานนี้ บางคนบอกผมว่าพวกเขารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำหน้าที่นั้น ผมก็คิดว่าพวกเขาจะรู้สึกเช่นนั้น ผมคิดว่ามันอาจจะมีประโยชน์”
คำแถลงของทรัมป์หลังโทรศัพท์กับปูตินยังชี้ว่าสหรัฐฯ อาจลดบทบาทในการเจรจา โดยผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า เงื่อนไขของข้อตกลงควรเจรจาโดย “คู่ขัดแย้งโดยตรง” แม้ก่อนหน้านี้เขาจะเคยอ้างว่า เขาสามารถยุติสงครามได้ภายในวันเดียว
แม้จะเคยเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที และสนับสนุนคำขาดของยุโรปต่อรัสเซียให้ยุติการสู้รบ แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าทรัมป์จะลดแรงกดดันต่อมอสโก โดยไม่มีการกล่าวถึงการคว่ำบาตรที่เคยขู่ว่าจะใช้ หากรัสเซียไม่ยอมหยุดยิง
ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวด้วยว่าเขาได้พูดคุยกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี และผู้นำชาติยุโรปหลายคน หลังการหารือทางโทรศัพท์กับปูติน
ด้านเซเลนสกียืนยันว่า ยูเครนพร้อมสำหรับการหยุดยิงอย่างเต็มรูปแบบ และพร้อมเจรจาโดยตรงกับรัสเซีย แต่ก็กล่าวว่า หากรัสเซียไม่พร้อมที่จะหยุดการเข่นฆ่า จะต้องมีการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้น แรงกดดันจะผลักดันให้รัสเซียเข้าสู่สันติภาพที่แท้จริง
ผู้นำยูเครนยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ อย่าถอยห่างจากการเจรจาและความพยายามในการสร้างสันติภาพ
“ผมได้คุยกับประธานาธิบดีทรัมป์สองครั้งทางโทรศัพท์วันนี้ ในการโทรครั้งแรก เราพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งสำคัญมากสำหรับยูเครน ซึ่งก็คือการหยุดยิง เราพูดถึงเรื่องนี้ในอิสตันบูลและก่อนหน้านั้น หัวข้อที่สองคือความพร้อมของสหรัฐฯ ที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรที่จริงจังมากขึ้น ผมขอให้เขาพิจารณาและดำเนินการหากรัสเซียไม่ยอมสนับสนุนการหยุดยิงและไม่ต้องการยุติสงครามครั้งนี้ ... อย่างสามที่ผมขอเขาก่อนที่เขาจะโทรหาปูติน คืออย่าตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับยูเครนโดยไม่มีพวกเรา นี่คือเรื่องพื้นฐานสำหรับเรา” เซเลนสกีกล่าว
การเจรจาทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และปูตินมีขึ้นหลังจากที่คณะผู้แทนรัสเซียและยูเครนหารือแบบพบหน้ากันครั้งแรกในรอบ 3 ปี ที่นครอิสตันบูลของตุรกี เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงสำคัญใดๆ ร่วมกันได้ ยกเว้นการแลกเปลี่ยนเชลยสงครามระหว่างกันฝั่งละ 1,000 คน
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP ต่างประเทศ
- วิดีโอยอดนิยม
