เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวยอมรับเป็นครั้งแรกว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียเป็นต้นเหตุที่ทำให้เครื่องบินโดยสารของอาเซอร์ไบจานตกเมื่อเดือน ธ.ค. 2024 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 38 ราย
นี่นับเป็นการยอมรับต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกของรัสเซียถึงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เครื่องบินตกดังกล่าว เพื่อหวังบรรเทาความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน
ปูตินกล่าวว่า ขีปนาวุธที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียยิงเพื่อโจมตีโดรนของยูเครน ได้ระเบิดใกล้กับเครื่องบินของสายการบินอาเซอร์ไบจานแอร์ไลน์ส ซึ่งกำลังบินมาจากบากู ขณะกำลังเตรียมลงจอดที่กรอซนี เมืองหลวงของสาธารณรัฐเชชเนียของรัสเซีย เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2024
ปูตินเปิดเผยเรื่องนี้ในการพบปะกับประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน อิลฮัม อาลีเยฟ ณ เมืองดูชานเบ เมืองหลวงของทาจิกิสถาน ซึ่งทั้งสองประเทศกำลังเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอดีตสหภาพโซเวียต
ทั้งนี้ ปูตินให้คำมั่นว่าจะลงโทษผู้กระทำผิดและจ่ายค่าชดเชย
เจ้าหน้าที่อาเซอร์ไบจานระบุว่า เครื่องบินเอ็มบราเออร์ 190 ถูกยิงโดยไม่ได้ตั้งใจจากรัสเซีย จากนั้นจึงพยายามลงจอดทางตะวันตกของคาซัคสถาน ทำให้เครื่องบินตกและคร่าชีวิตผู้คนไป 38 รายจากทั้งหมด 67 ราย
ไม่กี่วันหลังเกิดเหตุ ปูตินได้ขอโทษอาลีเยฟสำหรับสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็น “เหตุการณ์โศกนาฏกรรม” แต่ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบ
ที่ผ่านมา อาลีเยฟได้วิพากษ์วิจารณ์รัสเซียที่พยายาม “ปกปิด” เหตุการณ์ดังกล่าว
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกได้ทำลายความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างรัสเซียและอาเซอร์ไบจาน
ความสัมพันธ์ของทั้งสองยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นจากการเสียชีวิตของชาวอาเซอร์ไบจานที่ถูกตำรวจจับกุมในเมืองของรัสเซียเมื่อเดือน มิ.ย. และการจับกุมชาวรัสเซียหลายครั้งในอาเซอร์ไบจาน
ปูตินกล่าวกับอาลีเยฟเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียที่เล็งเป้าไปที่โดรนของยูเครนได้ยิงใส่เครื่องบินโดยสารของอาเซอร์ไบจานเนื่องจาก “ความผิดพลาดทางเทคนิค” และเสริมว่า ขีปนาวุธ 2 ลูกระเบิดห่างจากเครื่องบินโดยสารเพียง 10 เมตร
“ฝ่ายรัสเซียจะทำทุกวิถีทางเพื่อชดเชยและประเมินผลทางกฎหมายต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบทุกคน” ปูตินกล่าว
เขาเสริมว่า “แน่นอนว่า คำพูดเหล่านี้เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหลัก นั่นคือ เราไม่สามารถทำให้ผู้ที่เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมกลับมามีชีวิตได้”
อาลีเยฟกล่าวขอบคุณปูตินที่สอบสวนสาเหตุของการตกของเครื่องบิน “ผมขอขอบคุณทุกท่านที่คอยควบคุมสถานการณ์นี้ด้วยตนเอง”
ความสัมพันธ์กับอาเซอร์ไบจานมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นสำหรับรัสเซียนับตั้งแต่ส่งทหารเข้าไปในยูเครนในปี 2022 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ตุรกี พันธมิตรใกล้ชิดของอาเซอร์ไบจาน กลายเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจสำคัญของรัสเซีย ขณะที่เผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก
อาเซอร์ไบจานเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งสำคัญสำหรับการค้าระหว่างรัสเซียกับอิหร่านและพันธมิตรอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง ประเทศที่ร่ำรวยพลังงานแห่งนี้ยังซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ พร้อมกับส่งออกไฮโดรคาร์บอนของตนเองไปยังตะวันตก
ในทางกลับกัน รัสเซียเป็นตลาดหลักสำหรับการส่งออกผักและผลไม้ของอาเซอร์ไบจาน และยังเป็นที่อยู่ของชาวอาเซอร์ไบจานพลัดถิ่นจำนวนมาก จากการสำรวจสำมะโนประชากรในปี 2021 พบว่ามีชาวอาเซอร์ไบจานอาศัยอยู่ในรัสเซียประมาณ 500,000 คน แต่การประมาณการอย่างไม่เป็นทางการระบุว่าอาจมีมากถึง 2 ล้านคน
ความสัมพันธ์ทั้งหมดได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความตึงเครียดจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ผู้นำทั้งสองได้ส่งสัญญาณเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ว่าต้องการพลิกสถานการณ์และบรรเทาความตึงเครียด
“ผมหวังว่าความร่วมมือของเราไม่เพียงแต่จะกลับคืนมาเท่านั้น แต่จะดำเนินต่อไปตามเจตนารมณ์ของความสัมพันธ์และพันธมิตรของเรา” ปูตินกล่าว
เรียบเรียงจาก Associated Press