ปอร์บูยา ยูดี ซาเดวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอินโดนีเซีย เปิดเผยเมื่อวันที่ 15 ต.ค. ว่า กระทรวงฯ ได้อนุมัติงบประมาณจัดซื้อเครื่องบินรบเฉิงตู (Chengdu) จากจีน จำนวนอย่างน้อย 42 ลำ ที่มีมูลค่ากว่า 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3 แสนล้านบาท) แต่ยังต้องรอยืนยันว่ารัฐบาลอินโดนีเซียจะได้รับมอบเครื่องบินเหล่านี้ในเวลาใด
ที่ผ่านมา อินโดนีเซียพยายามยกระดับและปรับปรุงยุทโธปกรณ์ให้มีความทันสมัย รวมทั้งสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันประเทศภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดี ปราโบโว ซูเบียนโต
โดยในช่วงที่ประธานาธิบดีซูเบียนโตดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอินโดนีเซีย ตัวเขาได้เดินทางเยือนหลายประเทศทั้งจีน ฝรั่งเศส รัสเซีย ตุรกีและสหรัฐฯ เพื่อหาซื้อยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ ด้านการป้องกันและติดตามสถานการณ์ในประเทศ
ปัจจุบันกองทัพอากาศอินโดนีเซียมีเครื่องบินจากหลายประเทศทั้งสหรัฐฯ รัสเซีย และ อังกฤษ ซึ่งบางลำจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุง หรือหาซื้อทดแทนของเดิม
ในเดือน มิ.ย. ประธานาธิบดีตุรกี เรย์ซิป เทย์ยิป เออร์โดอาน ประกาศว่าจะส่งออกเครื่องบินรบข่านจำนวน 48 ลำให้กับอินโดนีเซีย เครื่องบินทั้งหมดจะผลิตในตุรกี
นอกจากนี้ในเดือน ม.ค. 2024 อินโดนีเซียตกลงที่จะซื้อเครื่องบินรบ ดาโซลต์ ราฟาล จากฝรั่งเศส จำนวน 42 ลำ โดยการส่งมอบในงวดแรกจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2026
อินโดนีเซียยังประกาศแผนจัดซื้อเรือดำน้ำสกอร์พีน อีโวลฟ์ จากฝรั่งเศสจำนวน 2 ลำ และระบบเดาร์เทลส์ 13 ระบบ
เบนี ซูคาดีส์ นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมจากสถาบันศึกษายุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศของอินโดนีเซีย เตือนว่า แม้อินโดนีเซียจะประกาศว่าไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในการเมืองระหว่างประเทศ แต่รัฐบาลก็ไม่ควรมองข้ามผลกระทบจากการเลือกซื้ออาวุธกับบางประเทศ
โดยการซื้อยุทโธปกรณ์ล็อตใหญ่จากจีนอาจถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านด้านความมั่นคงที่อินโดนีเซียพึ่งพาอาวุธจากชาติตะวันตกมาหลายสิบปี
ซูคาดีส์ยังเตือนว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจสร้างความอ่อนไหวในระดับภูมิภาค เนื่องจากจีนมีผลประโยชน์โดยตรงในทะเลจีนใต้