ล้างแอร์ให้คูล ต้องล้างบ่อยแค่ไหน และจะเลือกล้างยังไงดี?
อากาศร้อน แอร์ไม่เย็น ทั้งยังค่อนไปทางร้อนกว่าเดิม นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาที่ต้องล้างแอร์แล้ว การล้างแอร์ไม่เพียงแค่ทำให้แอร์สะอาดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้แอร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ประหยัดไฟ และยืดอายุการใช้งานอีกด้วย แต่คำถามคือจะล้างเองให้รู้แล้วรู้รอดหรือเรียกช่างมือโปรมาจัดการให้ดี?
บางคนบอกว่าล้างเองง่าย ประหยัดเงิน แต่บางคนก็แอบกังวลว่า ถ้าพลาดไป แอร์พังไม่คุ้มกันแน่ ในบทความนี้ เราจะมาถอดรหัสข้อดี-ข้อเสียของทั้งสองทางเลือกว่าแบบไหนตอบโจทย์มากกว่า และที่สำคัญ จะล้างแอร์ยังไงให้แอร์สะอาด สดชื่น ไม่เสี่ยงพัง มาดูกันเลย!
ทำไมต้องล้างแอร์เป็นประจำ? ปล่อยไว้นานเสี่ยงแอร์พัง-บิลพุ่งไม่รู้ตัว
แอร์ก็เหมือนปอดของบ้าน ยิ่งใช้ไปนานๆ โดยที่ไม่ล้างแอร์เลย ฝุ่นละออง เชื้อโรค และคราบสกปรกจะค่อยๆ สะสมอยู่ในตัวเครื่อง ทำให้ลมที่ออกมาไม่เย็นเท่าที่ควร และที่สำคัญ แอร์สกปรกไม่ใช่แค่ทำให้แอร์ไม่เย็นเท่านั้น แต่ยังทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น มอเตอร์ต้องรีดพลังมากขึ้น ใช้ไฟเยอะขึ้น แล้วผลที่ตามมาคือค่าไฟแพงแบบไม่ทันตั้งตัว
ถ้าปล่อยไว้นานกว่านั้น ยิ่งทำให้คอยล์เย็นอุดตัน ระบบทำความเย็นผิดปกติ อาจลากยาวไปถึงคอมเพรสเซอร์เสีย ซึ่งค่าซ่อมหลักพันหลักหมื่นแน่นอน ดังนั้น การล้างแอร์บ้านตามกำหนดทุก 6 เดือนจะช่วยให้แอร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ เย็นไว ไม่กินไฟ แถมยืดอายุการใช้งานไปได้อีกหลายปี
ประโยชน์ของการล้างแอร์มีอะไรบ้าง?
หลายคนอาจคิดว่าการล้างแอร์เป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากนัก แต่รู้หรือไม่ว่าแอร์ที่ไม่ได้ล้างเป็นเวลานานอาจกลายเป็นตัวการที่ทำให้ค่าไฟพุ่ง แอร์เสียเร็ว และที่แย่กว่านั้นคือเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่อาจกระทบต่อสุขภาพของคนในบ้าน ฉะนั้น การล้างแอร์บ้านหรือล้างแอร์คอนโดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ทำให้เครื่องสะอาดขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ และมีข้อดีอีกหลายอย่างที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
1. แอร์เย็นขึ้น ไม่ต้องเร่งอุณหภูมิให้เปลืองไฟ
หลายคนอาจเคยปรับอุณหภูมิลงหลายองศาแล้วไม่เย็น สาเหตุหลักอาจไม่ใช่เพราะแอร์เสื่อมสภาพ แต่เพราะฝุ่นและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ตามฟิลเตอร์และคอยล์เย็น ทำให้ลมไหลเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้แอร์ทำงานหนักขึ้น แต่เมื่อเราล้างคอยล์ร้อนแอร์แล้ว ลมที่เป่าออกมาจะไหลได้ดีขึ้น อุณหภูมิคงที่ แอร์ไม่ต้องทำงานหนักเพื่อดึงความเย็นออกมา ช่วยให้ห้องเย็นเร็วและเย็นนานขึ้น
2. ประหยัดไฟได้จริง ค่าไฟไม่บานปลาย
แอร์ที่มีฝุ่นสะสมมากๆ อาจทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นถึง 10-30% เลยทีเดียว เพราะระบบต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการดูดอากาศเข้าไปและปล่อยลมเย็นออกมา แต่แค่ล้างแอร์ให้สะอาด ค่าไฟก็ลดลงได้ โดยเฉพาะบ้านไหนที่เปิดแอร์ตลอดทั้งวัน ควรล้างอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง จะช่วยให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพและไม่เปลืองไฟโดยใช่เหตุ
3. ลดฝุ่น เชื้อโรค และแบคทีเรีย อากาศสะอาดขึ้น
หากแอร์เริ่มส่งกลิ่นอับ หรือเปิดไปนานๆ แล้วเริ่มมีอาการจาม คัดจมูก นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าภายในแอร์กำลังเต็มไปด้วยฝุ่นและเชื้อโรคที่มองไม่เห็น ซึ่งสามารถฟุ้งกระจายออกมากับลมแอร์ และเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของคนในบ้านได้ หากเป็นเช่นนี้ต้องล้างแอร์ด่วนเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกเหล่านี้ ทำให้อากาศที่ออกมาสะอาด สดชื่น ลดโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
4. ยืดอายุการใช้งานแอร์ ไม่ต้องซ่อมบ่อย
แอร์ที่ไม่ล้างเป็นเวลานาน อาจทำให้ระบบภายในเสียหายก่อนเวลาอันควร ซึ่งค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงอาจสูงกว่าราคาล้างแอร์หลายเท่า การล้างแอร์เป็นประจำช่วยให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและทำให้แอร์ใช้งานได้นานขึ้น หากเราดูแลรักษาเป็นอย่างดีจะสามารถอยู่ได้นาน 10-15 ปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่เลย
5. ลดปัญหาน้ำหยด แอร์มีเสียงดัง
หลายคนอาจเคยเจอปัญหาแอร์น้ำหยด หรือแอร์ทำงานเสียงดังผิดปกติ สาเหตุหนึ่งมาจากการที่ถาดน้ำทิ้งตันหรือพัดลมแอร์มีฝุ่นเกาะจนทำให้การทำงานมีเสียงผิดปกติ ซึ่งการล้างแอร์ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะช่างจะทำความสะอาดท่อระบายน้ำและกำจัดสิ่งอุดตันต่างๆ ทำให้แอร์ทำงานเงียบขึ้น และไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหยดมากวนใจ
บริการล้างแอร์ดีกว่าล้างเองจริงไหม? เช็กข้อแตกต่างก่อนตัดสินใจ
หลายคนอาจคิดว่าการล้างแอร์เป็นเรื่องง่าย แต่ความจริงแล้วเครื่องปรับอากาศมีระบบภายในที่ซับซ้อนกว่านั้น และถ้าทำผิดพลาดขึ้นมาอาจกลายเป็นทำให้แอร์พังโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นเรามาดูกันว่าทำไมการใช้บริการล้างแอร์จากช่างมืออาชีพถึงตอบโจทย์กว่า
1. ช่างมีอุปกรณ์ครบ จัดการได้ลึกกว่า
การล้างแอร์เองส่วนใหญ่มักจะทำได้แค่ระดับพื้นฐาน แต่ฝุ่นและสิ่งสกปรกที่ฝังแน่นอยู่ในคอยล์เย็น คอยล์ร้อน พัดลมแอร์ หรือท่อน้ำทิ้ง ไม่สามารถทำความสะอาดได้ง่ายๆ แต่ถ้าใช้บริการช่างมือโปร จะมีอุปกรณ์เฉพาะทางที่สามารถล้างคอยล์ร้อนแอร์และจุดอื่นๆ ได้อย่างสะอาดหมดจด
2. ช่างตรวจเช็กระบบให้ฟรี ป้องกันแอร์เสียก่อนเวลา
ช่างแอร์ไม่ได้แค่ช่วยทำความสะอาด แต่ยังมีบริการตรวจเช็กระบบต่างๆ เช่น ตรวจแรงดันน้ำยาแอร์ ว่าขาดหรือรั่วหรือไม่ เช็กมอเตอร์ พัดลม และคอมเพรสเซอร์ ตรวจท่อน้ำทิ้งว่ามีสิ่งอุดตันหรือไม่ ป้องกันปัญหาน้ำหยด แต่ถ้าล้างเอง เราอาจไม่รู้เลยว่าแอร์กำลังมีปัญหาอะไรอยู่จนกว่ามันจะพังแล้วต้องเสียเงินซ่อมราคาแพง
3. ปลอดภัย ไม่เสี่ยงแอร์พัง
ถ้าไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ในการล้างแอร์ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ เช่น
- ฉีดน้ำแรงดันสูงผิดจุด อาจทำให้น้ำเข้าวงจรไฟฟ้าและทำให้แอร์เสีย
- แกะชิ้นส่วนผิดวิธี เสี่ยงสายไฟขาด หรืออุปกรณ์ภายในเสียหาย
- ล้างไม่สะอาดพอ ฝุ่นยังตกค้างอยู่ ทำให้แอร์ยังไม่เย็น
4. ประหยัดเวลา ไม่ต้องเปลืองแรง
ล้างแอร์เองอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง ไหนจะต้องเตรียมอุปกรณ์ แกะชิ้นส่วน ล้าง ทำความสะอาด แล้วประกอบกลับเข้าไปอีก ถ้าทำผิดขั้นตอน อาจต้องเสียเวลาแก้ไขเพิ่มอีก แต่ถ้าใช้บริการช่าง จะใช้เวลาเพียง 30-60 นาทีเท่านั้น แอร์สะอาดพร้อมใช้งาน ไม่ต้องเหนื่อยเอง แถมยังมั่นใจได้ว่าสะอาดจริง
5. ค่าใช้จ่ายคุ้มค่า ไม่แพงอย่างที่คิด
บริการล้างแอร์ ราคาไม่ได้แพงอย่างที่คิด บางคนอาจคิดว่าล้างแอร์เองช่วยประหยัดเงินมากกว่า แต่ถ้าคิดถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ค่าซื้ออุปกรณ์ล้างแอร์ ค่าเสียเวลาที่ต้องมานั่งล้างเอง ความเสี่ยงแอร์พังที่อาจต้องจ่ายค่าซ่อมแพงๆ สู้จ่ายค่าบริการล้างแอร์แค่ไม่กี่ร้อยบาทต่อครั้งดีกว่า เพราะนอกจากแอร์จะสะอาดแล้วยังช่วยให้แอร์ทำงานดีขึ้น ประหยัดไฟ และไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมบำรุงระยะยาวด้วย
เลือกช่างล้างแอร์ยังไงดี เช็ก 6 ข้อนี้ก่อนเรียก ไม่งั้นเสี่ยงแอร์พังได้
จะล้างแอร์ทั้งทีต้องเลือกช่างให้ดีที่สุด หลายคนอาจเคยเจอช่างล้างแอร์ที่ล้างไม่สะอาด ล้างแอร์แล้วแอร์ไม่เย็น ทำแอร์พัง หรือคิดราคาสูงเกินจริง จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง มาดูกันว่าช่างล้างแอร์มืออาชีพควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
- มีประสบการณ์จริง : ช่างล้างแอร์ที่ดีควรมีความรู้เรื่องแอร์แบบครบวงจร ไม่ใช่แค่ล้างให้สะอาด แต่ต้องเข้าใจโครงสร้างแอร์ทุกประเภท เช่น การล้างแอร์บ้าน ล้างแอร์คอนโด แอร์ VRV/VRF ในอาคารใหญ่ หรือล้างแอร์เคลื่อนที่
- มีอุปกรณ์ครบ ล้างสะอาดทุกซอกทุกมุม : ช่างมืออาชีพต้องมีอุปกรณ์ล้างแอร์ที่ครบถ้วน เช่น เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง น้ำยาฆ่าเชื้อ ปั๊มลม และเครื่องมือวัดน้ำยาแอร์
- มีบริการตรวจเช็กระบบแอร์ให้ฟรี : ช่างควรช่วยเช็กอาการผิดปกติของแอร์ก่อนล้างและหลังล้างเสมอ เพื่อที่หลังจากที่ช่างกลับไปจะได้ไม่มีปัญหาตามมาอีก
- มีรับประกันงานล้างแอร์ : ช่างมืออาชีพส่วนใหญ่จะมีการรับประกันงานล้างแอร์ เช่น ถ้าล้างแอร์แล้วไม่เย็น มีปัญหาภายใน 7 วัน เรียกกลับมาดูให้ฟรี หรือถ้ามีน้ำรั่วหรือปัญหาหลังล้าง แก้ไขให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
เช็กราคาบริการล้างแอร์ก่อนเรียกช่างให้คุ้มจริง ไม่เสียเงินฟรี
จริงๆ แล้วค่าบริการล้างแอร์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขนาดแอร์ ประเภทแอร์ และรายละเอียดของงานล้าง วันนี้เรามาแกะให้ดูว่าราคาล้างแอร์ทั่วไปควรเป็นเท่าไหร่ และต้องดูอะไรบ้างก่อนจ้างช่าง โดยราคาล้างแอร์ขึ้นอยู่กับประเภทและขนาดของแอร์ โดยราคามาตรฐานในตลาดมีดังนี้
- แอร์ 9,000 - 12,000 BTU ราคา 400 - 600 บาท
- แอร์ 18,000 - 24,000 BTU ราคา 600 - 900 บาท
- แอร์ 30,000 BTU ขึ้นไป ราคา 900 - 1,500 บาท
- แอร์แบบฝังฝ้า หรือแอร์แขวน ราคา 1,000 - 2,500 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดและความยากในการล้าง)
ล้างแอร์กับ “Q-CHANG” บริการมืออาชีพที่คุณวางใจได้
จากข้างต้นสรุปได้ว่า การล้างแอร์โดยช่างมืออาชีพเป็นทางเลือกที่ชัวร์กว่า ทั้งในเรื่องของขั้นตอนการล้าง การเช็กสภาพ และรายละเอียดต่างๆ ซึ่งช่างแอร์จะมีความรู้ครอบคลุมมากกว่า โดยบริการล้างแอร์ที่คุณเชื่อได้เราขอแนะนำที่ Q-CHANG แพลตฟอร์มที่รวบรวมช่างคุณภาพและบริการดูแลบ้านครบวงจร โดยเฉพาะบริการล้างแอร์ที่มีความหลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า
Q-CHANG มีทีมช่างคุณภาพที่ผ่านการอบรมและคัดเลือกมาอย่างดี เพื่อให้บริการที่ได้มาตรฐานและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า อยากใช้บริการเมื่อไหร่ก็จองได้ทันที นอกจากนี้ ยังมีการรับประกันผลงานสูงสุดถึง 30 วัน เพื่อความมั่นใจของผู้ใช้บริการ