รู้จัก "มูห์ยิดดิน" นายกฯคนใหม่ของมาเลเซีย

นายกฯ ใหม่มาเลเซียสาบานตนรับตำแหน่ง วอน ปชช.ยอมรับ

กษัตริย์มาเลเซีย แต่งตั้งนายกฯคนใหม่ ไม่ใช่ “มหาเธร์”

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน วัย 72 ปี ยังคงเป็นประธานพรรคเบอร์ซาตู และรัฐมนตรีมหาดไทย แต่ผ่านมาไม่กี่วัน ชื่อของเขากลายเป็นที่ค้นหา เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ทรงแต่งตั้งให้เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่

นายมูห์ยิดดินเป็นนักการเมืองที่มีประวัติโชกโชนอีกหนึ่งคน เขาเป็นชายเชื้อสายมาเลย์จากรัฐยะโฮร์ เริ่มต้นการเข้าสู่แวดวงการเมืองด้วยการเป็นสมาชิกพรรคอัมโน่เมื่อปี 1978 ในฐานะผู้แทนสภาจากเมืองปากอห์ รัฐยะโฮร์ หลังจากนั้นเขาก็เคยดำรงตำแหน่งมุขมนตรีแห่งรัฐยะโฮร์ระหว่างปี 1986 -1995 ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาที่ดร.มหาเธร์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยแรก

ในสมัยที่นายนาจิบ ราซัค ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายมูห์ยิดดินก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่เส้นทางการเมืองเหมือนจะจบลงในปี 2015 เมื่อนายนาจิบไล่เขาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เพราะนายมูห์ยิดดินออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบคดีทุจริตอื้อฉาว 1MDB หลังจากนั้นในปี 2016 เขาก็จบเส้นทางการเมืองอันยาวนานกับพรรคอัมโน่ลง เมื่อโดนไล่ออกจากตำแหน่งในพรรคเช่นกัน

ถัดมาในปีเดียวกัน นายมูห์ยิดดินจับมือเริ่มต้นพรรคเบอร์ซาตูกับดร.มหาเธร์ นายมูห์ยิดดินดำรงตำแหน่งประธานพรรค ส่วนดร.มหาเธร์ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค แล้วเบอร์ซาตูก็รวมพลังกับพรรคต่างๆอย่างพรรคพีเคอาร์ของนายอันวาร์ พรรคดีเอพี และพรรคอมานาห์ ก่อตั้งพรรคร่วมรัฐบาลปากาตันฮาราปันขึ้นมาได้สำเร็จในการเลือกตั้งปี 2018 โค่นอำนาจพรรคอัมโน่ที่ดำรงตำแหน่งพรรครัฐบาลมาอย่างยาวนานได้ลง

หลังการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคของดร.มหาเธร์ เสียงในพรรคเบอร์ซาตูแตกออกเป็นสองฝ่าย หนึ่งคือยังสนับสนุนดร.มหาเธร์ ขณะที่อีกฝ่ายสนับสนุนนายมูห์ยิดดิน ซึ่งเขาประกาศนำพรรคเบอร์ซาตูออกจากการเป็นพันธมิตรปากาตันฮาราปัน และไปขอเสียงสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งรวมถึงพรรคอัมโน่

การขึ้นสู่อำนาจครั้งนี้ของนายมูห์ยิดดินเกิดขึ้น หลังเขาทำงานให้กับนายกรัฐมนตรีมาหลายคน แต่อำนาจนี้ก็อาจจะไม่ได้มาอย่างง่ายๆ เมื่อดร.มหาเธร์ประกาศว่าเขาโดนนายมูห์ยิดดินหักหลัง และเตรียมเรียกร้องให้มีการเปิดลงมติในรัฐสภาเร็วๆนี้  เพื่อทดสอบว่านายมูห์ยิดดินถือครองเสียงข้างมากในสภาได้จริงหรือไม่ ดังนั้นสิ่งที่ต้องจับตามองอาจจะยังไม่ใช่ผลงานว่าเขาจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับมาเลเซีย แต่อาจจะเป็นการลงมติในวันที่ 9 มีนาคมนี้ว่าเขาจะได้รับการยอดรับในฐานะผู้นำคนใหม่ของมาเลเซียมากน้อยเพียงใด