ฝากขัง "ครูจุ๋ม" ตั้ง 2 ข้อหาทำร้ายร่างกาย-ทารุณเด็ก
แม่เผย ป.4 ครูไล่ไปตาย โดดตึก ด.ช.จิตใจย่ำแย่ 'อดีตครู' อ้างมีครูวุฒิปลอม!
การใช้ความรุนแรงในโรงเรียนเป็นปัญหาที่ต้องยอมรับว่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังไม่สามารถหาแนวทางที่จะจัดการปัญหานี้ได้อย่างเด็ดขาด นักวิชาการอิสระรายหนึ่งระบุว่าปัญหาการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนนั้นมีต้นตอจากวัฒนธรรมบางอย่างที่ฝังอยู่ในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน พร้อมเสนอวิธีแก้ปัญหาที่โรงเรียนสามารถปฏิบัติตามได้แบบไม่ยาก
“ไม่ว่าเขาจะเป็นเด็กหรือไม่ว่าเขาจะโต คุณไม่มีสิทธิตีเขา มันคือสิทธิ ถ้าบอกว่า รักวัวให้ถูกรักลูกให้ตี นั่นคือความคิดเห็น ผมไม่เถียง แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ครูไม่มีอำนาจที่จะลงโทษเด็กโดยถึงเนื้อถึงตัว” นี่คือความเห็นของ ดร. .วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ นักวิชาการอิสระด้านการศึกษา ต่อเหตุการณ์ที่ครูพี่เลี้ยงโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งลงโทษนักเรียนชั้นอนุบาลด้วยความรุนแรง
นักวิชาการอิสระรายนี้ไม่ปฏิเสธว่าสถานที่ที่ควรจะเป็นพื้นที่ปลอดภัย อย่างโรงเรียนในประเทศไทยนั้น หลายแห่งมีปัญหาเรื่องการใช้ความรุนแรง เป็นปัญหาที่มีต้นตอมาจากวัฒนธรรมอำนาจนิยมและวัฒนธรรมการล้อเลียน ซึ่งทั้ง 2 วัฒนธรรมนี้ถือเป็นการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่นและข้อมูลจากงานวิจัยพบว่ามักจะนำไปสู่การล่วงละเมิดที่รุนแรงขึ้นเสมอ
การลงโทษด้วยการใช้ความรุนแรง เช่น การตีนั้น อาจสร้างความสงบเรียบร้อยภายในห้องเรียน แต่นั่นคือการสร้างความหวดกลัวจากการบังคับ แต่ไม่สร้างวินัย ไม่ได้ฝึกให้เด็กนักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวนักเรียนเอง นั่นส่งผลให้เด็กนักเรียนไทยคุ้นชินกับการรอรับฟังคำสั่ง
นอกจากปัญหาความรุนแรงที่ต้องหาเร่งวิธีแก้ไขและลดปัญหานี้อย่างเร่งด่วนแล้ว การจัดสรรนักจิตวิทยาให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบการศึกษาของไทย เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของบุคลากรครูและนักเรียนคืออีกสิ่งที่ ดร. วิริยะอยากเห็น เพราะสุขภาวะจิตที่ดีนั้นเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างสมบูรณ์
วิธีแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่ทำได้ไม่ยากสำหรับโรงเรียนที่ดร. วิริยะ แนะนำคือการปรับสภาพห้องเรียนให้เป็นพื้นที่แห่งความสุข หลักสูตรที่สนุก น่าสนใจตามวัยของนักเรียน เพราะเมื่อไหร่ที่ความรู้ควบคู่มากับความสนุก การสนใจรับฟังเพื่อการเรียนรู้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แบบไม่ต้องบังคับขู่เข็ญ