พลังศรัทธา “ไอ้ไข่” ส่งผลเศรษฐกิจพุ่งเงินสะพัดทั้งจังหวัดเกือบพันล้านบาท

ความศรัทธาของผู้คนที่มีต่อไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ มีมากเพียงใด จำนวนรูปปั้นไก่เหล่านี้เป็นคำตอบได้ชัดเจน นี่จึงเป็นสินค้าที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆของร้านขายของเซ่นไหว้  คนในพื้นที่จำนวนมากจึงมองเห็นโอกาส และผันตัวมาค้าขายของที่ยึดโยงกับความเชื่อเหล่านี้

จรูญศักดิ์ ซังปาน คือคนหนึ่งที่หันมาลงทุนขายของเซ่นไหว้ บริเวณทางเข้าวัดเจดีย์  เขาบอกว่า ในหนึ่งวันสามารถสร้างรายได้จากการขายของเซ่นไหว้ได้ถึงหลักแสนบาท รูปปั้นไก่ที่นำวางมาขาย มีตั้งแต่ขนาดเล็ก ตัวละ 20 บาท และใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นคู่ละหลักร้อย หลักพัน หลักหมื่น และหากเป็นไก่ที่ตกแต่งด้วยกระจกสวยงาม ราคาก็จะสูงถึงตัวละแสนบาท   เพราะเหตุใด ไอ้ไข่จึงโด่งดัง และกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเช่นนี้  ย้อนกลับไปในอดีต พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตนายตำรวจชื่อดัง มีชื่อเสียงในการปราบโจรร้ายด้วยคาถาอาคมมากมาย จนได้ฉายาว่า นายพลตำรวจหนังเหนียวผู้จับเสือมือเปล่า หรือบ้างก็เรียก “จอมขมังเวทย์”

ปี 2546 ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้ทำพิธีปลุกเสกเหรียญไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ รุ่นที่ 5 พร้อมทั้งมีการสร้างรูปหล่อลอยองค์ของไอ้ไข่ ขึ้นเป็นปีแรก คนในพื้นที่จึงเรียกเหรียญรุ่นนี้ว่าเป็นรุ่นเปิดวัด เพราะหลังจากปลุกเสกเหรียญรุ่นนี้ออกมา ก็ทำให้คนนอกพื้นที่รู้จักไอ้ไข่เพิ่มมากขึ้น และยิ่งตอกย้ำความศรัทธา เมื่อดารา คนดัง ก็ให้ความสนใจ จนไอ้ไข่ จนพาให้ไอ้ไข่ดึงดูดผู้คนไปที่วัดเจดีย์อย่างไม่ลดลงจนถึงปัจจุบัน 

นอกจากเศรษฐกิจในชุมชนรอบวัดเจดีย์จะเติบโตขึ้นแล้ว แรงศรัทธาของไอ้ไข่ ยังส่งผลให้ภาพรวมด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดนครศรีธรรมราช เติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากคลายมาตราการล็อกดาวน์จากสถานการณ์โควิด-19 และมีการต่อยอดสร้างโปรแกรมการท่องเที่ยวในจังหวัดอยู่ตลอดทั้งปี เพื่อให้การท่องเที่ยวยั่งยืน หากกระแสศรัทธานี้ลดลง

ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช ระบุว่า ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว มีเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวในจังหวัดกว่า 970 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนจังหวัดนครศรีธรรมราชในไตรมาสที่สาม กว่า 1 ล้าน 2แสนคน สร้างรายได้มากถึง 5,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562