แหล่งข่าวจากเอเจนซี่โฆษณา และการตลาดออนไลน์ให้ข้อมูลกับทีมข่าว PPTV ว่าปัจจุบันมีการโฆษณาผ่านช่องท่างอินสตาแกรมของดาราจริง โดยจะให้ดาราถ่ายรูปคู่กับผลิตภัณฑ์แล้วโพสต์ลงในบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัวของดารา
โดยการจ้างแต่ละครั้งมีหลักเกณฑ์ใหญ่ๆ 5 ข้อ
1. "ไลฟ์สไตล์" ของดาราต้องเข้ากับ "สินค้า"
นอกจากความโด่งดังของดาราแล้ว การเลือกดาราที่มีไลฟ์สไตล์ที่เข้ากับสินค้า จัดวางภาพให้ไม่ขวางตา ราวกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ไม่ดูเหมือนยัดเยียด จะส่งผลให้การโฆษณาทำได้แนบเนียนยิ่งขึ้น ความแนบเนียนนี้เอง มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า เพราะส่วนใหญ่เชื่อว่าอะไรก็ตามที่ไอดอลเลือกใช้ย่อมต้องดีที่สุด
2. รายละเอียดภายในภาพ
ขึ้นอยู่กับการ "เจรจา" ระหว่างแบรนด์สินค้าและดารา สินค้าที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับดารา การเจรจาจะทำได้ง่าย แต่ถ้าเป็นสินค้าทั่วๆไป การเจรจาก็จะยากขึ้น ดาราจะมีข้อกำหนดในการโพสต์มากขึ้น เช่น ต้องการโฆษณาอาหารของร้านอาหารแห่งหนึ่ง จะมีระดับ "ค่าจ้าง" ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับแอ็กชั่นในภาพ (เรียงลำดับจากถูกไปหาแพง) ตั้งแต่ ดาราถ่ายรูปคู่กับอาหาร ดาราถือจานอาหาร ดาราใช้ช้อนตักอาหารขึ้นมา และดารากำลังรับประทานอาหาร
3. ข้อความใต้ภาพ
แบรนด์สินค้ามักจะกำหนดข้อความใต้ภาพ (แคปชั่น) ให้สัมพันธ์กับสินค้า หรือแคมเปญในขณะนั้น มีทั้งการกำหนดข้อความเป็นประโยค หรือสโกแกน มาให้ทั้งหมด หรือการให้ดาราเขียนข้อความใต้ภาพได้ แต่กำหนดเฉพาะวลี หรือ คำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) มาให้ ที่สำคัญต้องติดแฮชแท็ก (#) ให้กับภาพนั้นๆ ตามที่กำหนด
4. เวลาที่โพสต์
จากการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินสตาแกรมในประเทศไทย พบว่าเวลา 10.00 น. และเวลา 19.00 น. เป็นเวลาที่มีผู้เข้าใช้งานมากที่สุด และเป็นเวลาที่ลูกค้าจะกำหนดให้เหล่าดาราโพสต์รูปตัวเองคู่กับสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าว
5. ระยะเวลาโพสต์
แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
1.โพสต์ถาวร
2.โพสต์แล้วลบภายหลัง ตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น 2 สัปดาห์ / 1 เดือน หรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการ "เจรจา" และ "ค่าจ้าง"
นอกจากนี้ถ้าเป็นสินค้าที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับดารา การเจรจาจะทำได้ง่ายขึ้น ระยะเวลาในการโพสต์ยาวนานขึ้น ถ้าเป็นสินค้าทั่วๆไป หรือขัดกับไลฟ์สไตล์ของดารา ระยะเวลาโพสต์จะไม่ยาวมากนัก
ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมา จะถูกนำมาพิจารณาเรื่อง "ค่าจ้าง" ด้วย ทั้งนี้ หัวใจสำคัญของการโฆษณาผ่านอินสตาแกรมก็คือ "ความแนบเนียน" อย่าให้คนดูจับได้ ไม่เช่นนั้นอาจสร้างความไม่ไว้วางใจต่อตัวดาราและหมดความชื่นชอบ ที่สำคัญผลกระทบจะย้อนกลับมาที่แบรนด์สินค้าหรือบริการนั้นๆในที่สุด
