แม้ว่าจะผ่านไปนานกว่า 50 ปี ที่ นีล อาร์มสตรอง นักบินอวกาศชาวอเมริกัน สร้างประวัติศาสตร์เป็นมนุษย์คนแรกที่ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ ในปี 1969 แต่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกยังไม่ลดละความพยายามที่จะไปสู่เป้าหมายต่อไปในการสำรวจอวกาศ นั่นคือ การย้ายไปตั้งถิ่นฐานบนดาวดวงอื่น
ขณะที่หลายประเทศตั้งเป้าหมายส่งมนุษย์ขึ้นไปเหยียบดาวอังคาร แต่โยฮันน์-ดีทริช เวอร์เนอร์ (Johann Dietrich Woerner) ผู้อำนวยการคนใหม่ขององค์การอวกาศยุโรป (ESA) ตั้งเป้าลุยแผนสร้างหมู่บ้านบนดวงจันทร์ โดยมองว่ามีแหล่งทรัพยากรที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตอยู่แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาเคยมีการสำรวจพบธารน้ำแข็งบริเวณขั้วดวงจันทร์
ทั้งนี้ผู้อำนวยการ ESA มั่นใจว่าความร่วมมือด้านอวกาศระหว่างประเทศ จะสามารถนำไปสู่ความสำเร็จของโครงการนี้ได้ โดยจะอาศัยประสบการณ์ของนักบินอวกาศที่เคยถูกส่งขึ้นไปประจำการและปฏิบัติงานบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) เป็นข้อมูลเบื้องต้น
สำหรับแนวคิดของโครงการนี้ คือ การเริ่มสร้างอาคารเล็กๆ จากทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่บนดวงจันทร์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำแข็ง โลหะและแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการขนส่งวัสดุก่อสร้างจากโลก ขึ้นไปบนดวงจันทร์ได้มากทีเดียว ส่วนโครงสร้างเเละชิ้นส่วนของฐานบนดวงจันทร์ ก็จะอาศัยเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เข้ามาช่วย
อย่างไรก็ตามการอาศัยอยู่บนดวงจันทร์ ก็มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นอันตรายจากรังสีคอสมิก รังสีสุริยะที่อาจแผ่มาถึงดวงจันทร์ อุกกาบาตขนาดเล็กที่มีโอกาสพุ่งเข้าชน และสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งไม่เอื้อต่อการดำรงชีวิตมากนัก ดังนั้นจุดที่คาดว่าเหมาะสมที่สุดที่จะลองสร้างหมู่บ้านบนดวงจันทร์ จึงน่าจะเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้ขั้วดวงจันทร์ หรือพื้นที่ที่มีแสงอาทิตย์ส่องถึงตลอดเวลา
จากนี้แนวคิดตั้งนิคมบนดวงจันทร์ ยังอาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 20 ปี เพื่อรอให้เทคโนโลยีต่างๆก้าวหน้า และมีความพร้อมพอที่จะทำให้ความฝันนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้
