จากกรณี พล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เตรียมเพิ่มปริมาณการพิมพ์สลากเข้าสู่ระบบอีก 10 ล้านฉบับ เริ่มตั้งแต่งวดวันที่ 30 ธ.ค. 59 นี้ ส่งผลให้ภาพรวมของสลากเพิ่มจาก 120 ล้าน หรือ 60 เป็น 65 ล้านคู่ เพื่อรองรับความต้องการของประชาชน และแก้ปัญหาสลากแพงนั้น
วันนี้ (25 ธ.ค. 2559) นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า บทเรียนที่ผ่านมาชัดเจนว่าการพิมพ์สลากเพิ่ม อาจช่วยให้ราคาสลากลดลงในระยะแรก แต่ไม่นานสุดท้ายก็จะกลับมาแพงอีกเหมือนเดิม เพราะต้องไม่ลืมว่าหลังจาก คสช. เข้ามาได้มีการพิมพ์สลากเพิ่มมาแล้วอย่างน้อยสองครั้ง และมีผลทำให้ประเทศไทยมีสลากมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากเดิมมีสลากจำหน่ายอยู่ 37 ล้านคู่ เพิ่มมาเป็น 50 ล้านคู่ เมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว และมาเพิ่มเป็น 60 ล้านคู่ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่สุดท้ายไม่สามารถทำให้ราคาสลากตรึงอยู่ที่ 80 บาท ได้จริง และตอนนี้กำลังจะเพิ่มอีก 8 ล้านคู่ เบ็ดเสร็จผลงานของ คสช.คือ ทำให้สลากเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบเท่าตัวจาก 37 เป็น 68 ล้านคู่ และก็แก้ปัญหาไม่ได้อย่างยั่งยืนตามที่ประกาศนโยบายไว้
“การเพิ่มจำนวนสลากจะทำให้เกิดการแข่งขัน อย่างรุนแรงของผู้ค้ารายย่อย เราจะพบภาพผู้ค้าเร่ทั้งหลายรุกเข้าจำหน่ายสลากตามชุมชนมากขึ้น การแข่งขันที่มากขึ้นนี้จะทำให้ผู้ค้ารายย่อยบางรายที่สู้ไม่ไหวต้องเลิกไป ขณะที่อีกจำนวนหนึ่งอาจเลือกวิธีนำสลากที่ตนเองได้มาไปขายต่อให้ปั๊ว ซึ่งจะมีอำนาจต่อรองมากเพราะสลากมีให้เลือกเยอะ และด้วยเหตุที่ปั๊วมีทุนและมีโครงข่ายผู้ค้าสลากโยงใยกันอยู่ การพิมพ์สลากเพิ่มกลับยิ่งทำให้ต้องพึ่งระบบปั๊วมากขึ้น”
เมื่อเป็นเช่นนี้คาดว่าจะเห็นการรวมชุดสลาก ขายเป็นชุดใหญ่มากขึ้น กลายเป็นว่าการแก้ปัญหาด้วยวิธีการนี้ เป็นการปราบรายย่อย แต่เพิ่มความแข็งแรงให้รายใหญ่ ขณะเดียวกันภาพของรัฐบาลและสำนักงานสลาก ก็สุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นเสือนอนกิน เพราะทุกครั้งที่เพิ่มจำนวนสลากเท่ากับรัฐบาลและสำนักงานสลากจะได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นด้วย ตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด”
ด้าน นายมณเฑียร บุญตัน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กล่าวว่า การเพิ่มสลากสะท้อนว่ามาตรการจับกุมและควบคุมราคาใช้ไม่ได้ผล สำนักงานสลากฯ จึงนำเทคนิคเดิมออกมาใช้ เพื่อหวังผลทางการตลาด วางเป้าหมายเพื่อหารายได้เข้ารัฐ ผ่านการพึ่งพาผู้ค้ารายใหญ่ กินกันเป็นทอดๆ ผลกระทบจะตกอยู่ที่ผู้ค้ารายย่อยเพราะปรับตัวไม่ทัน ทางออกคือต้องควบคุมตั้งแต่ต้นทางให้เกิดความสมดุล การคืนรายได้สู่สังคม โดยพิจารณาในทุกมิติเพื่อสร้างหลักประกัน ให้ผู้ค้ารายย่อยลดการพึ่งพาผู้ค้ารายใหญ่ และสลากต้องเป็นสินค้าควบคุมไม่ใช่สินค้าเสรี เพราะประชาชนจะตกเป็นเหยื่อของการพนัน
