กระทรวงยุติธรรมสหรัฐประกาศแต่งตั้งนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอให้เป็นอัยการพิเศษ นำทีมสอบสวนว่า รัฐบาลรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปลายปีที่แล้ว และให้ความช่วยเหลือทีมงานหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หรือไม่ การแต่งตั้งครั้งนี้ได้รับคำชมจากหลายฝ่าย เนื่องจากคดีนี้กำลังเป็นที่สนใจของประชาชน จึงถือเป็นการดีที่มีบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมการสอบสวน เพื่อให้การทำงานมีความโปร่งใสและเป็นอิสระจากสายการบังคับบัญชา
สำหรับนายมูลเลอร์ เป็นบุคคลที่ได้รับความเชื่อถืออย่างกว้างขวาง เคยรับตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอมานานนับ 10 ปี ตั้งแต่สมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช จนถึงสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ด้านทรัมป์แม้จะไม่ได้แสดงความเห็นต่อการแต่งตั้งครั้งนี้โดยตรง แต่ยังยืนยันว่าตนไม่มีความเกี่ยวข้องหรือสมคบคิดใดๆ กับรัสเซียและเขาตั้งตารอให้เรื่องนี้มีข้อสรุปโดยเร็ว
สำหรับการที่ทรัมป์สั่งปลดนายเจมส์ โคมีย์ ผอ. เอฟบีไอ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ทำให้สื่ออเมริกันพยายามขุดคุ้ยเรื่องนี้ เห็นได้จากกรณีที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ และนิวยอร์กไทม์ส ออกมาเปิดเผยว่าทรัมป์ได้เผยข้อมูลลับให้กับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ระหว่างการพบกันที่ทำเนียบขาวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุด ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ก็ออกมาช่วยยืนยันอีกแรงว่า ทรัมป์ไม่ได้เผยข้อมูลลับใดๆแก่รัสเซีย โดยบอกว่าพร้อมนำสำเนาบันทึกบทสนทนาในวันนั้นให้แก่สภาคองเกรส หากได้รับการร้องขอ
ประเด็นอื้อฉาวครั้งนี้ของผู้นำสหรัฐ ส่งผลกระทบอย่างหนักกับตลาดหุ้นในสหรัฐ ที่ตกฮวบมากที่สุดในวันเดียว นับตั้งแต่ทรัมป์รับตำแหน่ง โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดดิ่งลงกว่า 373 จุด ลามไปถึงตลาดหุ้นยุโรปและเอเชีย
นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้ถอดถอนเขาจากตำแหน่ง โดยล่าสุด สมาชิกวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต ได้ลุกขึ้นอภิปรายในที่ประชุมสภาเมื่อวานนี้ เรียกร้องให้ถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่ง โดยยกตัวอย่างผลสำรวจความคิดเห็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งพบว่าประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นการพิจารณาถอดถอนทรัมป์ อย่างไรก็ตาม กระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ต้องผ่านการเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรครีพับลิกันของทรัมป์ ครองเสียงข้างมากอยู่
