ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพวัดป่าขันติธรรม หรือปัจจุบันคือ วัดพระแก้วใหญ่ หรือ วัดสามัคคิยาราม ในจังหวัดศรีสะเกษ ยังคงมีภาพขนาดใหญ่ของอดีตพระเณรคำติดตั้งอยู่ด้านหน้า ภายในวัดไม่มีการก่อสร้างสิ่งใดเพิ่มเติม แต่ทั่วบริเวณมีความสะอาด มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ได้แต่งตั้งพระซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์เณรคำ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส เฝ้าดูแลวัดพร้อมกับพระอีก 3 รูป ซึ่งล้วนเคยเป็นลูกศิษย์ ของอดีตพระเณรคำทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันวัดไม่ได้ร่ำรวยเหมือนสมัยที่เณรคำอยู่ โดยพระที่นี่บอกว่า หากเณรคำกลับมา ก็พร้อมจะยอมรับนับถือให้เป็นเจ้าอาวาสเหมือนเดิม ขณะที่ชาวบ้านก็เช่นกันอยากให้กลับมาสู้คดีให้ถึงที่สุดแล้วกลับมาอยู่วัดเหมือนเดิม
ส่วนอดีตภรรยา ที่มีลูกชายกับเณรคำ 1 คน บอกว่า เณรคำไม่เคยดูแล วันนี้ยังเรียกร้องอยากให้พ่อของลูกเข้ามาดูแล ส่งเสียเลี้ยงดู เพราะสภาพครอบครัวยากจน ลำบากตลอดเวลานับตั้งแต่มีลูกด้วยกัน ทุกวันก็ขายของเล็กๆ น้อยๆ พอมีรายได้ หากทุกฝ่ายช่วย ก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมในความผิดของอดีตพระ
ขณะที่จังหวัดชัยภูมิ วัดป่าหินลาด อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ วัดสาขาของเณรคำ มีพื้นที่ทั้งหมด 58ไร่ ติดถนนสายจัตุรัส ปัจจุบันมีพระจำวัดอยู่ 2 รูป สิ่งปลูกสร้างประเภทอาคาร อยู่ในสภาพร้าง เนื่องจากไม่มีเงินสร้างต่อ
พระอาจารย์อิสระชัย เมธิโก เจ้าอาวาสวัดป่าหินลาด หรือวัดปู่เณรคำสาขา 7 ในชัยภูมิ 3 สาขา คือสาขา 7/8/9 ที่นี่ถือว่าเป็นสาขาใหญ่ที่สุด พระอาจารย์อิสระชัย เล่าว่า ทุกครั้งอดีตพระเณรคำเดินทางมาจะมาโดยเฮลิคอปเตอร์ โดยลงจอดบริเวณหน้าวัด จากนั้นก็จะเดินผ่านผู้คนจำนวนมากมาย จนต้องสร้างอาคารที่อยู่ด้านหลังนี้เพื่อรับรอง และสร้างห้องน้ำเพิ่มกว่า50ห้อง เพื่อบริการญาติโยม ส่วนเงินที่ญาติโยมนำมาถวายเณรคำนั้น เณรคำจะรับกลับไปทั้งหมด วัดจะได้เพียงเงินที่ชาวบ้านถวายเทศน์เล็กน้อยเท่านั้น
"กรณีที่เณรคำจะกลับมาประเทศไทยนั้น ทราบข่าวอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว อีกอย่างยังมีญาติโยมที่ยังศรัทธาเณรคำอยู่อีกเยอะ เกรงจะไม่สบายใจกัน หลังจากที่เณรคำถูกดำเนินคดี วัดก็ยังคงเป็นที่พึ่งของชาวบ้านต่อไป เพราะวัดไม่ได้เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องส่วนบุคคล อีกอย่างขณะนี้ข้าวของเครื่องใช้ตลอดจนวัตถุมงคลต่างๆ ก็สั่งให้นำออกไปเก็บไว้ที่อื่นแล้ว" พระอาจารย์อิสระชัย กล่าว
ส่วนที่บ้านพ่อแม่ของเณรคำ ใน อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี วันนี้ปิดเงียบเหมือนทุกวันที่ผ่านมา หลังจากเณรคำหลบหนีคดีไป เพื่อนบ้านที่พักอาศัยอยู่ฝั่งตรงข้าม บอกว่า หลังบิดาและมารดาของนายวิรพลเสียชีวิต มีเพียงพี่ชายต่างบิดาอยู่ภายในบ้านหลังนี้เพียงคนเดียว กลางวันจะออกไปทำงานและกลับเข้ามาบ้านช่วงค่ำ ส่วนน้องชายบิดาเดียวกันของเณรคำ ปัจจุบันไปอาศัยอยู่ที่บ้านของภรรยาที่ตำบลโพธิ์ศรี อ.พิบูลมังสาหาร ไม่ได้กลับมาที่บ้านหลังนี้เลย
ผู้สื่อข่าวได้เข้าตรวจสอบบริเวณอาคารสูงสองชั้น ที่อยู่ติดกับบ้านหลังดังกล่าว และเดิมจะทำเป็นมูลนิธิของพระเณรคำ ปรากฏถูกทิ้งร้างจนหญ้าขึ้นรก โดยไม่มีการทำอะไร หลังนายวิรพล หลบหนีไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา และกรมสืบสวนคดีพิเศษได้สั่งอายัดตัวอาคารหลังนี้ เพื่อใช้ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่อดีตพระเณรคำ ที่นำเงินจากประชาชนมาสร้างด้วย
