วันนี้ ( 10 เม.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตนักเรียนทุนเสมาพัฒนาชีวิต ปี 2536 ซึ่งอยู่ในกลุ่มอดีตนักเรียนทุนเสมาฯ และสนิทกับนางรจนา สินที ที่ถูกเกลี้ยกล่อม จนยอมให้เลขบัญชีธนาคาร พร้อมเปิดบัญชีใหม่ให้นางรจนา เพื่อรับโอนเงิน ก่อนจะถูกนางรจนายึดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มไปดูแลเอง โดยความยินยอม เพราะรู้สึกรักนางรจนาเหมือนแม่ และเห็นว่าเป็นคนดี เธออ้างว่าตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา มีเงินโอนเข้าบัญชี แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเป็นการทุจริต จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง และนางรจนาเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน ทำให้พบว่ามีเงินหมุนเวียนเข้าบัญชีเก่าและบัญชีใหม่ 7 ครั้ง กว่า 1 ล้านบาท
นอกจากอดีตนักเรียนกองทุนเสมาฯ ที่ถูกนายอรรถพล ตรึกตรอง ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกองทุนเสมาฯ พามาร้องทุกข์ต่อ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.แล้ว วันนี้ ยังได้นำรายชื่อผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการรวม 44 คน และเครื่องคอมพิวเตอร์ของนางรจนา 2 เครื่อง มามอบให้ พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ตรวจสอบถึงพฤติกรรมการปลอมแปลงลายเซ็นผู้บริหาร ในเอกสารการเบิกจ่ายเงิน
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบของกระทรวงศึกษาธิการ ล่าสุด พบตัวเลขความเสียหาย นับจากสิงหาคม 2548 ถึงพฤศจิกายน 2560 รวม 96 ล้านบาท จากการโอนเงินกองทุนเข้าบัญชีบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง 471 รายการ 52 บัญชี และพบชื่อเจ้าของบัญชี 34 คน แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการรับโอนเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตจาก “นางรจนา” ประกอบด้วยกลุ่มนางรจนาและเครือญาติ กลุ่มเพื่อนเรียนปริญญาโทของนางรจนา องค์กรการกุศลที่นางรจนามีบทบาท และกลุ่มอดีตนักเรียนทุนเสมาฯที่สนิทสนมกับนางรจนา โดยกลุ่มที่คณะกรรมการตรวจสอบพามาแสดงในวันนี้ เป็นข้าราชการ 7 คน ประกอบด้วย ข้าราชการชำนาญการพิเศษ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 2 คน ทหาร 1 คน ตำรวจ 1 คน เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน 1 คน เจ้าหน้าที่สังกัดกรุงเทพมหานคร 1 คน และครูสังกัดเทศบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดตากอีก 1 คน
ด้านเลขาธิการฯ ป.ป.ท.ระบุว่า อดีตนักเรียนกองทุนเสมาทั้งสองคน ที่มาในวันนี้ อยู่ในกระบวนการแสดงตัวต่ออนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง หลังไต่สวนแล้ว ป.ป.ท.จะพิจารณาว่าควรกันไว้เป็นพยานหรือไม่..
