เปิดเบื้องหลัง “ดีลข้ามโลก” นักกู้ภัยถ้ำช่วย13ชีวิต “ภารกิจสุดโหดและกดดัน”
เผยแพร่
ปรับปรุงล่าสุด
การเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัยถ้ำมาร่วมภารกิจที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน เกิดขึ้นจาก "เวิร์น อันสเวิร์ธ" นักสำรวจถ้ำที่อาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงราย แนะนำรัฐบาลไทยให้เชิญนักดำน้ำในถ้ำมาร่วมภารกิจ แม้จะเป็นข้อมูลที่รู้กันในระดับหนึ่งแล้ว แต่เรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังภารกิจสุด 17 วันเต็ม ก่อนที่พวกเขาจะมารวมตัวกันได้ถือว่า น่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะการตัดสินใจภายในเวลาที่จำกัดและแรงกดดันมหาศาล

วันนี้ (12 ก.ค.61) จอห์น โวแลนเทน นักดำนำในถ้ำชาวอังกฤษที่ร่วมในภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวงฯ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอนแล้ว โดยนายโวแลนเทนบอกกับสื่ออังกฤษที่มารอทำข่าวว่า เขารู้สึกยินดีมากที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี พร้อมย้ำว่าทั้งหมดเป็นผลจากการร่วมมือกันระหว่างทีมนักประดาน้ำนานาชาติและหน่วยงานของไทย
“พวกเราไม่ใช่ฮีโร่ สิ่งที่เราทำ เราวางแผนและลงมือทำอย่างใจเย็นมากๆ ซึ่งค่อนข้างตรงกันข้าม นั่นคือสิ่งที่เราทำ เราค่อยๆ ทำทีละขั้นตอน และหวังว่าจะประสบผลสำเร็จ แต่ผมอยากจะเน้นไปที่ทีมช่วยเหลือนานาชาติ แล้วก็หน่วยซีลของไทย" จอห์น โวแลนเทน นักดำนำในถ้ำชาวอังกฤษ
ส่วนนี่เป็นคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ในเพจเฟซบุ๊ก Army times Thailand เป็นภาพในวันที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน และเข้าไปทักทายนักดำน้ำในถ้ำชาวอังกฤษ จากข้อมูลพบว่า สภากู้ภัยถ้ำอังกฤษ หรือ BCRC ส่งนักดำน้ำมาร่วมภารกิจมากกว่า 10 คน แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญเรื่องการกู้ภัยในถ้ำ เช่น โรเบิร์ต ฮาร์เปอร์ , ริชาร์ด สแตนตัน และจอห์น โวแลนเทน เมื่อปี 2542 พวกเขาเคยเดินทางมาสำรวจถ้ำใต้น้ำในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย และเคยดำน้ำไปในจุดที่ลึกที่สุดของทะเลไทย เพื่อจัดทำแผนที่ถ้ำใต้น้ำให้กับสมาคมนักดำน้ำถ้ำ นักกู้ภัยในถ้ำใต้น้ำของประเทศอังกฤษ
ริชาร์ด สแตนตัน และจอห์น โวแลนเทน 2 นักดำน้ำในถ้ำที่เป็นผู้พบสมาชิกทีมหมูป่าและโค้ชก่อนเป็นชุดแรก ทั้ง 2 คนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบการดำน้ำให้ดำได้ลึกและนานขึ้น มีสถิติดำน้ำด้วยอุปกรณ์เสริมในระยะที่ยาวที่สุดในโลก ส่วน คริสโตเฟอร์ จีเวลล์ , เจสัน มัลลินสัน และ คอนเนอร์ โร เคยเข้าร่วมภารกิจสำรวจถ้ำที่อูลัตตา ประเทศเม็กซิโก ซึ่งเป็นถ้ำที่ลึกที่สุดในตะวันตก ซึ่งต้องนอนค้างในถ้ำนาน 10 คืน
ส่วน จอช แบรตช์ลีย์ , คอนเนอร์ โร ,จิม วาร์นีย์ เป็นกลุ่มผู้จัดหลักทริปดำน้ำถ้ำ Gouffre Berger ที่มีชื่อเสียงในประเทศฝรั่งเศส ถ้ำที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นถ้ำที่ลึกที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
ขณะที่เมื่อวานรายการเข้มข่าวค่ำนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงเบื้องหลังการประสานงานทีมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเหล่านี้ ว่า เริ่มจาก คำแนะนำของ Vern Unsworth นักสำรวจถ้ำที่อาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงราย และต่อสายโทรศัพท์พูดคุยกับ Robert Harper ซึ่งขณะนั้นกำลังนอนหลับอยู่ เพราะ ที่อังกฤษเป็นช่วงเวลากลางคืน ก่อนที่ทีมผู้เชี่ยวชาญจะตกลงเข้าร่วมภารกิจนี้อย่างเต็มใจ ( อ่านข่าว..เบื้องหลัง “ทีมกู้ภัยในถ้ำชาวอังกฤษ” ร่วมภารกิจช่วยทีมหมูป่า )
หลังจากที่เชิญนักดำน้ำในถ้ำ 3 คน ประกอบด้วย โรเบิร์ต ฮาร์เปอร์ , ริชาร์ด สแตนตัน และจอห์น โวแลนเทน มาร่วมภารกิจ จนสามารถพบว่า ทั้ง 13 คน อยู่ที่เนินนมสาว โดยนายโรเบิร์ต ฮาร์เปอร์ ติดธุระจึงต้องเดินทางกลับก่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นคนไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับมีบทสนทนาบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของการมีนักดำน้ำชาวอังกฤษเดินทางมาสมทบอีก 5 คน หนึ่งในนั้น คือ Martine Ellis ผู้เขียนแผนที่ถ้ำหลวงฯ และในวันก่อนเริ่มภารกิจลำเลียงทีมหมูป่าออกจากถ้ำเพียง 1 วัน มีนักกู้ภัยในถ้ำจากอังกฤษเดินทางมาเพิ่มเติมอีก 3 คน
ขณะที่วันนี้นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เปิดใจกับทีมข่าวพีพีทีวีอีกครั้ง ว่า หลังจากมีการประสานออกตั๋วเครื่องบินแล้ว เขาก็บินมาตอนนั้นที่นั่งเรามีแค่ชั้นประหยัดที่เหลืออยู่ในเที่ยวที่เร็วที่สุด แล้วก็ขนเอาอุปกรณ์มา เมื่อมาถึงประเทศไทยเวลาประมาณ 2 ทุ่ม เขาก็ขอลงดำน้ำทันที เราก็รู้สึกว่า เขาแน่มาก เพราะคิดว่า พักผ่อนก็น้อย เดินทางมาก็ไกล แล้วลงดำน้ำในช่วงกลางคืน แล้วเขาก็เลี้ยวขวา เพราะปกติเมื่อไปถึงสามแยกแล้วเราจะเลี้ยวซ้าย เพราะเราเชื่อว่าเด็กจะไปทางพัทยาบีชที่อยู่ด้านซ้าย แต่ทีมนี้เขาอยากจะลองดำน้ำทางขวา เพราะยังไม่มีคนไป เผื่อจะมีอะไรที่ลอดสายตาไป เมื่อเขาสำรวจแล้ว เขาบอกว่า ทางขวาก็ไปได้ แต่ถ้าเด็กมาทางนี้คงไม่มีทางรอดแน่นอน เพราะน้ำค่อนข้างแรง แล้วไม่น่าเป็นไปได้ที่เด็กจะไปทางนี้ เพราะน้ำสวนพุ่งมาอย่างแรง ใช้เวลาดำน้ำในวันแรก 2-3 ชั่วโมง วันถัดมาพวกเขาก็ใช้เวลาดำน้ำเป็นช่วงๆ จนสามารถดำน้ำได้ยาวขึ้น
“จนกระทั่งถึงวันที่เจอ 13 คน ใช้เวลาดำน้ำนาน 8 ชั่วโมง ทุกครั้งที่พวกเขาดำน้ำ เขาบอกว่าจะตรวจโพรงถ้ำเสมอ ถ้าดำน้ำไปแล้วสามารถที่จะเงยหน้าขึ้นไปได้ เขาก็จะเอาไฟฉายส่องเพื่อให้แน่ใจว่าในแต่ละโพรงจะไม่มีอะไรที่เขาไม่ได้ดู ทั้งโพรงเล็ก และโพรงใหญ่”
ผ่านไป 2-3 วัน ก็ได้ถามคุณ “ร็อบ” หรือ “โรเบิร์ต ฮาร์เปอร์” ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เป็นอย่างที่เขาคาดหวังไหม เขาอึ้งไปพักใหญ่แล้วก็บอกว่า เขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้ น้ำไหลแรงมีฝุ่นทรายเยอะมาก หลังจากนั้นคุณร็อบมีนัดแพทย์ จึงต้องเดินทางกลับ ตนก็ได้ถามว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร เขาก็เงียบไปแล้วบอกว่า เขาก็ตอบไม่ได้จริงๆ เพราะมันซับซ้อน แต่ต้อสู้เต็มที่ วันถัดมาทีมเขาก็แจ้งว่าจะขอกำลังเสริมจากนักดำน้ำถ้ำที่อยู่ในยุโรป และอังกฤษ จึงมีการประสานนักดำน้ำเข้ามาเป็นชุดๆ โดยมีการประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จนในที่สุดก็ครบ 10 คน ที่มีทั้งนักดำน้ำ และนักกู้ภัยในถ้ำ ถ้าไม่นับคุณร็อบที่กลับไป หลังจากนั้นเขาก็เดินหน้าปฏิบัติงานกับหน่วยซีล และนักดำน้ำนานาชาติ โดยการชักชวนนักดำน้ำในถ้ำเป็น มติของคณะนักดำ ที่มีมติร่วมกัน ว่าสถานการณ์นี้ต้องเติมแล้ว
ส่วนคุณมาร์ติน เอลลิส เป็นคนสุดท้ายที่เดินทางมาถึง เราก็ไปตามหาตัวทราบว่าอยู่ในยุโรป ก็เลยประสานและขอให้บินมาจากยุโรปมา แล้วเราก็ถามว่ามีนักดำถ้ำคนไหนอีกหรือไม่ เขาก็บอกว่ามีชื่อนี้ แล้วจะแจ้งทางอังกฤษ แล้วส่งชื่อเข้ามาขอให้ตนช่วยประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งประสานทางการทูตของทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นไปอย่างราบรื่น โดยคุณมาร์ตินเป็นคนที่พูดภาษาไทยและเป็นคนเขียนแผนที่ถ้ำด้วย
ขณะที่เมื่อคืนนี้ได้เดินทางไปส่งนายจอห์น โวแลนเทน กลับประเทศอังกฤษ และมีการมอบประกาศนียบัตรขอบคุณ ก็ได้ถามเขาว่า รู้สึกอย่างไร และตอนนี้มีสื่อมารออยู่ที่หน้าสนามบิน คุณยังต้องการความเป็นส่วนตัวอีกหรือไม่ เขาก็ตอบว่า เจอได้เพราะถือว่าเสร็จภารกิจแล้ว ก็เลยพาเขามาลงมาเจอสื่อ แล้วถามเขาว่าสิ่งที่เขาอยากจะพูดสิ่งแรก คือ เขารู้สึกผ่อนคลาย แล้วอยากบอกเด็กๆว่าอย่าเข้าถ้ำหน้าฝน และจะกลับมาเมืองไทยอีกแต่จะไม่มาหน้าฝน ซึ่งเป็นอารมณ์ขันของเขา
"ตอนนั้นนายจอห์น โวแลนเทนได้เล่าว่า เวลาเงยหน้าขึ้นไปทุกโพรงแล้วฉายไฟฉายไป พอเห็นเด็กเขาตั้งใจจะถามคำถามนี้ให้ได้ว่า How many of you ? ซึ่งเป็นคำถามที่อยู่ในใจเขา เมื่อไฟฉายกระทบตัวเด็กก็ได้ถามคำถามนี้ How many of you ? หรือ พวกคุณมีจำนวนกี่คน พอได้คำตอบว่า 13 คนก็เป็นคำตอบที่คนเฮกันทั้งโลก"
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า คืนนี้จะไปส่งอีก 6 คนกลับประเทศโดยรอรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้ ททท. ก็ได้พาพวกเขาไปเที่ยวที่วัดร่องขุ่น และได้เจอกับอ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้มีการวาดรูปให้เป็นที่ระลึกซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างผ่อนคลาย ส่วนการจัดเลี้ยงนั้นเป็นภาพใหญ่ของรัฐบาล เราก็ตกลงกันว่า รัฐบาลจะมีคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็ยินดีสนับสนุนและปฏิบัติตามทุกประการ เพราะคือว่าทุกคนที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติคือพระเอกของเราทุกคนร่วมกันทั้งสิ้น
"ต้องขอขอบคุณทุกคนที่พอเราประสานไปแล้วก็ตอบรับมาในทันที เพื่อเด็กๆของเราแล้วเขายอมทิ้งทุกอย่าง บางคนมีลูกวัย 18 เดือน ก็รีบขับรถมาออกมาสนามบินแล้วต้องฝากให้คนอื่นดูลูกให้ แล้วขับรถมาจอดที่สนามบิน เขาก็บอกว่า ค่าที่จอดรถกลับไปคงน่าจะมีราคาแพงมาก เพราะจอดอยู่หลายวัน เราก็บอกว่าเดี๋ยวเราประสานจัดการให้ทั้งหมด เราก็ต้องดูแลเขา เขามาทำให้เรา มันเป็นเรื่องความชื่นใจ ทำให้ทุกคนมีความหวัง เป็นชัยชนะที่ทั่วโลกหลั่งไหลมารวมกันกับคนท้องถิ่น เพื่อทำให้ปฏิบัติการที่เป็นไปไม่ได้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้" นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ทิ้งท้าย
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/tags/ข่าววันนี้