วันนี้ (31 ก.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพบ้านที่ก่อสร้างด้วยคอนกรีต บริเวณบ้านร่มฟ้าไทย ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ที่ถูกดินจากภูเขา ถล่มลงมาทับจนตัวบ้านพังเสียหายทั้งหลัง แต่ช่วงเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ภายในบ้าน จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีบ้านอีก 2 หลังที่อยู่ใกล้เคียงกัน เริ่มเกิดการทรุดตัว โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวส่วนใหญ่เปิดเป็นร้านค้าเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังภูชี้ฟ้า และบางส่วนก็ใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นไหล่เขาที่มีความลาดชัน เมื่อฝนที่ตกหนัก ทำให้ดินอ่อนตัวและเกิดการสไลด์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่แล้ว
โดยส่วนที่จังหวัดเพชรบูรณ์ น้ำกัดเซาะผิวถนน ทางหลวงหมายเลข 2331 โจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จนถนนเกิดรอยแยกและทรุดตัวลึกประมาณ 50-80 เซนติเมตร ระยะทางยาวประมาณ 100-300 เมตร ทำให้รถไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงเพชรบูรณ์ที่ 1 เร่งดำเนินการซ่อมแซมผิวถนนให้การจราจรสามารถผ่านได้ก่อน และแก้ไขปัญหาการระบายน้ำ โดยเปิดร่องน้ำตลอดแนว ให้สามารถระบายน้ำได้ทัน ไม่ซึมเข้าถนน พร้อมติดไฟกระพริบ และไฟฟ้าแสงสว่าง เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัย
ขณะที่เขื่อนวชิราลงกรณ มีปริมาณน้ำกักเก็บ 7,170 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 81 ยังสามารถกักเก็บน้ำได้อีก 1,700 ล้านลูกบาศก์เมตร วันนี้ทางเขื่อนเพิ่มการระบายน้ำจาก 25 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นวันละ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีแผนว่าจะปรับเพิ่มการระบายเป็น 36 ล้านลูกบาศก์เมตร นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์(ภู-มิ-สวัส) ผู้ว่าราชการการจังหวัดกาญจนบุรี ระบุว่า การเพิ่มระดับระบายน้ำ เป็นการบริหารจัดการเพื่อรองรับน้ำฝนที่จะตกลงมาเพิ่ม ยังไม่พบว่ามีพื้นที่ใดได้รับผลกระทบ
ด้าน พล.อำเภอประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับท้องถิ่นทุกจังหวัด จัดทำแผนและเตรียมความพร้อมอพยพชาวบ้าน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม เพื่อป้องกันเหตุอย่างที่ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ส่วนการป้องกันระยะยาว นายกรัฐมนตรี มองว่าอาจต้องขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เช่น เชิงเขา และป่าลุ่มน้ำ ออกจากพื้นที่มาอยู่จุดที่ปลอดภัย โดยสั่งให้คณะกรรมการจัดสรรที่ดินแห่งชาติ เข้ามาดูแลว่าจะสามารถให้อยู่ในพื้นที่ใดได้บ้าง ซึ่งไม่กระทบต่อการดำรงชีพของผู้อยู่อาศัยเดิม
