"เหยื่อแชร์ลูกโซ่” วอน รัฐบาล ตั้งกองทุนยึดเงินคนโกงมาคืนผู้เสียหาย

วันนี้ 31 ต.ค. 2561 นาย ไผ่ ตาริเทพ ผู้เสียหายแชร์ตะเกียงน้ำมันระเหย ได้มาร่วมรายการ “เป็นเรื่องเป็นข่าว” โดยเขาได้เล่าเหตุการณ์ที่ถูกหลอกบางช่วงบางตอนว่า ตนเองถูกให้ไปลงทุนน้ำมันจำนวน 2 แสนบาท ซึ่งก็หลงเชื่อเพราะกลุ่มมิจฉาชีพเปิดบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ โดยเดือนแรกได้เงินมา 4 หมื่นบาท เดือนที่2 กลับไม่ได้เงิน โดยทางกลุ่มมิจฉาชีพบอกให้ตนไปหาเพื่อนสมัครเป็นสมาชิกอีก 4 คน ถึงจะได้เงินที่เหลือ แต่ตนไม่ได้ไปหา เพราะตอนแรกกลุ่มมิจฉาชีพบอกว่า เอาเงินมาลงทุนก็พอไม่ไปต้องหาคน เงินจะเข้ามาเอง ต่อมาจึงมีการแจ้งความดำเนินคดี และ ตำรวจก็สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งตอนนี้ภาครัฐได้ทำการยึดทรัพย์ผู้กระทำผิดหมดแล้ว แต่ยังไม่มีการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหาย

ด้านนาง ธัญญารัตน์ สิทธิเจริญยศ ผุ้เสียหายแชร์บริตคอยน์ กล่าวว่า อยากให้ภาครัฐให้หันมาดูแลใส่ใจผู้เสียหายจากแชร์ลูกโซ่ ตนเองต้องสูญเสียเงิน 3 ล้านบาท ครั้งแรกพยายามกันตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้ถูกหลอก แต่กลุ่มมิจฉาชีพ มีวิธีการหลอกอย่างแยบยลมาก โดยมีการอ้างผู้หลักผู้ใหญ่ที่เรารู้จัก และ อ้างหน่วยงานภาครัฐ เข้ามาเป็นสมาชิก ตนเองจึงหลงเชื่อ และ เขายังมีโปรโมชั่นไปเที่ยวประเทศมัลดีฟล์ ขณะนั้นตนก็อยากเซอร์ไพรส์วันเกิดลูกจะชวนไปเที่ยวต่างประเทศ จึงนำเงินไปลงทุน

เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกได้เข้าแจ้งความและมีผู้ที่ถูกหลอกอีกหลายคนก็แจ้งความด้วยเช่นกัน  จากนั้นตำรวจก็สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ แต่ก็ได้ประกันตัวออกมาชั้นตำรวจ และเมื่อผู้กระทำผิดออกมาก็ไล่ฟ้องตนเอง และผู้เสียหายรายอื่น ในข้อหาหมิ่นประมาท ตนเองและผู้เสียหายหลายคนไม่มีเงินจ้างทนายสู้คดี จึงไปร้องขอความช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรม หนึ่งในนั้นมีคุณยายวัย 78 ปีเดินทางไปได้ แต่ทางกระทรวงยุติธรรมบอกว่า ไม่เข้าเงื่อนไขที่จะได้รับการช่วยเหลือ จึงได้ออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐ เข้ามาช่วยเหลือเหยื่อแชร์ลูกโซ่ด้วย  

ด้าน นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มมิจฉาชีพมักจะขมขู่ผู้เสียหายว่าถ้าแจ้งความจะฟ้องหมิ่นประมาท ทำให้ผู้เสียหายหลายคนไม่กล้าเข้าไปแจ้งความ ยกตัวอย่างคดี ยูฟัน ที่แรกๆไม่ค่อยมีใครออกมาแจ้งความดำเนินคดี แต่เมื่อศาลตัดสินให้ยูฟัน ชดใช้เงินแก่ผู้เสียหาย ก็มีหลายคนออกมาเปิดเผยตัว สาเหตุที่ไม่เปิดตัวตั้งแต่แรกเพราะเขากลัวกลุ่มมิจฉาชีพที่ไปขมขู่ว่าจะฟ้องกลับผู้เสียหาย ดังนั้น ควรจะมีการแก้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 28 เพราะในประเทศฝรั่งเศส และเยอรมัน กฎหมายเขา ระบุว่า การจะร้องทุกข์ทางอาญานั้น ต้องผ่านพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ ในการตรวจข้อมูลก่อนว่า การฟ้องกลับมีหลักฐานอย่างไร ตนเองได้ดูเอกสาร 7 หมายที่ผู้เสียหายถูกกลุ่มมิจฉาชีพฟ้องกลับ ก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่ระบุว่าผู้เสียหายกระทำความผิด

นอกจากนี้ ตนเองอยากให้มีการแก้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 85  ที่ต้องให้ศาลมีคำสั่งเท่านั้น ถึงจะคืนเงินแก่ผู้เสียหาย ในประเทศอังกฤษเมื่อมีคนถูกโกงทางรัฐจะคืนเงินให้ก่อน แล้วไปไล่บี้กับคนโกง โดยยึดทรัพย์ทั้งหมด แต่ไทยต้องรอให้ศาลมีคำสั่งเท่านั้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานหลายปีจนผู้เสียหายได้เงินกลับคืนในจำนวนที่น้อย ยกตัวอย่าง คดีแม่นกแก้ว ผู้เสียหายต้องรอนานถึง 30 ปีจึงได้เงินคืน ตอนนั้นถูกโกงไปมูลค่าแสนกว่าบาท แต่ได้เงินคืนแค่ 3,000 บาทเท่านั้น จึงอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาเหมือนการคืนโฉนดที่ดินให้กับชาวบ้านที่ถูกหลอก เพราะผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่ก็มีลักษณะคล้ายกัน  โดยรัฐอาจจะกองทุนขึ้นมา 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเงินนี้ไม่ใช่เงินภาษี และ กองทุนนี้แตกต่างจากกองทุนอื่นๆ เมื่อผู้เสียหายยื่นเรื่องว่าถูกโกงรัฐก็นำเงินส่วนนี้จ่าย แล้วรัฐก็ไปไล่บี้ยึดทรัพย์กับผู้กระทำผิดนำเงินกลับคืนเข้ารัฐ แต่คนที่มายื่นต้องมีกระบวนการตรวจสอบว่าถูกโกงจริงๆ ที่ชาวบ้านถูกโกงจนทุกวันนี้เพราะรัฐปล่อยปละละเลย ในประเทศอักฤษเมื่อประชาชนของเขาถูกโกงรัฐก็จะไปดูแลทันที เพราะเขาไม่ต้องการให้ประชาชนมองว่าการโกงเป็นเรื่องปกติ

ดูคลิปเติมที่นี่>>>  “เหยื่อแชร์ลูกโซ่” วอน รัฐบาล ตั้งกองทุนยึดเงินคนโกงมาคืนผู้เสียหาย - ไม่ต้องมีเพดานโทษ คุก 20 ปี