ผัวเมียร้อง! เล่นพนันออนไลน์ได้เงิน 2 ล้าน ถูกตำรวจบุกทวงเงินคืน

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีภาพจากกล้องวงจรปิดของหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน กทม. จับภาพกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถยนต์หลายคันบุกไปถึงบ้านของ 2 สามีภรรยาผู้เสียหาย โดย น.ส.กาญจนาภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ระบุว่า 2 คนในกล้องวงจรปิด อ้างตัวเป็นตำรวจไซเบอร์ คนที่นั่งรถมากับคนใส่หมวกตัดผมเกรียน รูปร่างอ้วนและผอมสูง ส่วนคนที่อ้างตัวเป็นเจ้าของเว็บพนันพาพวกมาทั้งหมด 15 คน

ประวัติ “ธเนตร วงษา” จากนักธุรกิจสู่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ขอส่งต่อความสุขให้คนกรุงแบบไม่ขายฝัน

กองทัพรัสเซียถอนกำลังออกจากโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล กลับเบลารุส

ซึ่งภาพในกล้องวงจรปิดขณะแลกบัตรเข้าหมู่บ้านเห็นใบหน้าชัดเจน ก่อนที่บุคคลที่อ้างตัวเป็นตำรวจพยายามดึงสามีเธอขึ้นรถ แล้วพยายามเจรจาขอเงินคืน ขู่ว่าถ้าไม่คืนให้จะดำเนินคดี เธอห่วงความปลอดภัยของสามีจึงยอมคืนเงิน 400,000 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองอีก 1 องค์ มูลค่า 200,000 บาท เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา

ผู้เสียหาย เล่าว่า ย้อนไปเมื่อช่วงปลายปี 2564 เธอและสามีได้เริ่มเล่นพนันออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หนึ่ง โดยเปิดทั้งหมด 3 ยูสเซอร์ ลงทุนไปประมาณ 30,000-50,000 บาท และช่วยกันเล่นกับสามี ทุกวันตลอดเวลา 2 เดือน จนได้เงินจากเว็บพนันดังกล่าวเป็นจำนวนเงินเกือบ 2,000,000 บาท หลังจากเมื่อวานนี้เรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปในสื่อและโซเชียล บุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจก็โทรมาขู่อีกรอบ ตอนนี้เธอและสามีจึงต้องย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดก่อนชั่วคราว และงดออกสื่อ เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย

ด้าน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ หรือทนายตั้ม เปิดเผยกับทีมข่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจจริง โดยตั้งข้อสงสัยว่าหลังเกิดเหตุการณ์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 จ.เชียงใหม่ แจ้งขออายัดบัญชี น.ส.กาญจนาภรณ์ (ผู้เสียหาย) อ้างว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน แต่ไม่ใช่เว็บพนันที่เธอกับสามีเข้าไปเล่น ซึ่งก็เป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ ถึงมีการอายัดบัญชี ทั้งที่ทั้งคู่เป็นแค่คนเล่นไม่ใช่เจ้าของเว็บพนัน

นายษิทรา ยังบอกอีกว่า หลังเกิดเหตุสืบทราบแล้วว่าบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ เป็นตำรวจจริง ๆ แต่การที่ตำรวจขออายัดบัญชีทั้งคู่ และอ้างว่าเกี่ยวข้องกับเว็บพนันอื่นเพื่อเลี่ยงไม่ให้เว็บพนันเว็บจริงเข้ามาในสำนวน เพราะอาจจะเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น จึงควรตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ เพราะการกระทำของตำรวจดังกล่าวเข้าค่ายอุ้มตัว กักขังหน่วงเหนี่ยว และปล้นทรัพย์

ส่วน พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยสั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ทราบเรื่องราวที่มา พร้อมเร่งนำตัวกลุ่มคนดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว

หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงตามที่กล่าวอ้าง จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด หรือให้ลงโทษไล่ออกจากทางราชการ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ทำให้เสียขวัญกำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติดี

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline