วันนี้ 7 พ.ย. 2565 ศาลอาญาธนบุรี นัดฟังคำพิพากษา คดีที่อัยการเป็นโจทก์ร่วม น.ส.ผ่องเพชร สิริอิสสระนันท์ ฟ้อง ร.ต.อ.นพ.ภาณุรักษ์ รัตนไพศร นายแพทย์กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลตำรวจ ความผิดฐานขับรถขณะเมาสุรา และ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส ขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด และ ขับรถป้ายแดงในเวลาต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต
เบื้องต้นศาลพิพากษาจำคุกแพทย์หนุ่ม จำคุก 6 ปี ปรับ 202,000 บาท แต่จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 3 ปี ปรับ 101,000 บาท และให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
ตั้งข้อหา เมาแล้วขับ “ส.อ.” ซิ่งเก๋งชนคนดับ
สาวเมาขับรถย้อนศร ถามตำรวจ “รู้ไหมลูกใคร” ก่อนอาละวาดถอดรองเท้าฟาดเจ้าหน้าที่
ขณะที่แพทย์หนุ่มวางเงินค่าสินไหมทดแทนไว้ 2.5 ล้านบาท แบ่งเป็นสำหรับผู้เสียชีวิต 1.5 ล้านบาท และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ล้านบาท หลังฟังคำพิพาษานาย 3 ชม.
นายกานต์พงศ์ สิริอิสสระนันท์ ลูกชายผู้เสียชีวิต ได้ออกมาให้สัมภาษณ์พร้อมกับน.ส.ผ่องเพชร สิริอิสสระนันท์ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในเหตุการณ์ และทนายความ ระบุว่าแม้คำตัดสินจะออกมาแบบนี่ แต่ครอบครัวกลับรู้สึกว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะผู้ก่อเหตุเมาแล้วขับจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน
รวมถึงพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุดูไม่มีความจริงใจแต่แรก ให้การปฏิเสธมาตลอดจนถึงชั้นศาล และพึ่งจะมายอมรับผิดในช่วงที่มีการสืบพยาน ดังนั้นโทษที่ได้รับดูเหมือนว่าจะเบาไป
ส่วนที่อ้างว่า เงินเยียวยาที่ต้อง จ่ายให้กับครอบครัวผู้เสียหายแพทย์หนุ่มต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองครอบครัวไม่เกี่ยวข้องและตัวเองก็เป็นเพียงแพทย์จบใหม่ไม่ได้มีกำลังมากมายนั้น ครอบครัวมองว่ารถหรูที่ผู้ก่อเหตุขับมาชนนั้นมีมูลค่าสูงถึง 7 ล้านบาทแต่ผู้ก่อเหตุ กลับตีราคาชีวิตคนที่เสียไปและผู้บาดเจ็บไม่ถึงครึ่งกับราคาของรถเท่านั้น
ขณะที่ น.ส.ผ่องเพชร สิริอิสสระนันท์ ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ มองว่าส่วนตัวรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะว่ากฎหมายประเทศไทยค่อนข้างเบา หลังจากพูดคุยกับเพื่อนต่างชาติหลายคน พบว่าหากเป็นกรณีแบบนี้ในต่างประเทศ ผู้ก่อเหตุต้องชดใช้จำนวนมาก และต้องติดคุกด้วย หากกฎหมายไทยมีบทกำหนดโทษที่รุนแรงเชื่อว่าจะสามารถป้องปรามการเกิดเหตุลักษณะนี้ในอนาคตได้ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถเดินได้ปกติ ขณะที่นายแพทย์ผู้ก่อเหตุ เจอกันที่ศาลก็เพียงทักทายว่าเป็นอย่างไรบ้างไม่ได้พูดคุยกันมากกว่านั้น
หลังจากนี้ผู้เสียหายจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา เพื่อขอให้ลงโทษเพิ่มเติม และไม่ต้องการให้รอลงอาญา