นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (6 ธันวาคม 2565) อนุมัติปรับเพิ่มราคากลางในการจําหน่าย ผลิตภัณฑ์นม โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน เพิ่มขึ้นถุงหรือกล่องละ 0.31 บาท โดย มีผลตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติอนุมัติเป็นต้นไป ดังนี้
รอต่อไป! เราเที่ยวด้วยกัน-ช้อปดีมีคืน ยังไม่เข้า ครม.
เพื่อไทย ย้ำชัดหากเป็นรัฐบาล ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือน ป.ตรี 25,000 บาท ภายในปี 2570
- นมโรงเรียนชนิดพาสเจอร์ไรส์ ราคากลางเดิม 6.58 บาท/ถุง ราคากลางใหม่ 6.89 บาท/ถุง
- นมโรงเรียนชนิด ยู เอช ที ราคากลางเดิม 7.82 บาท/กล่อง ราคากลางใหม่ 8.13 บาท/กล่อง
สําหรับการปรับเพิ่มราคากลางในการจําหน่ายนมโรงเรียนถุงหรือกล่องละ 0.31 บาท ในครั้งนี้ มาจากก่อนหน้า เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ครม.ปรับราคารับซื้อน้ำนมโคจากเกษตรกรเพิ่มขึ้น 1.5 บาท /กก. ตามต้นทุนการผลิตน้ำนมโคที่เพิ่มขึ้นจากค่าอาหารสัตว์ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก และวิกฤตพลังงานสืบเนื่องจากสงครามรัสเซีย - ยูเครน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตนมโรงเรียนในส่วนของค่าน้ำนมโคเพิ่มขึ้น
โดยการคํานวณราคากลางนมโรงเรียนใหม่ยังสอดคล้องกับแนวทางการอนุญาตปรับราคานมพาณิชย์ ของกรมการค้าภายใน คือ
อนุญาตให้ปรับราคาเฉพาะต้นทุนน้ำนมดิบน้ำนมโค 1 กก. สามารถนําไปผลิตนมโรงเรียนได้ประมาณ 5 ถุง/กล่อง (ปริมาณ 200 กก. /ถุง/กล่อง ต้นทุนการผลิตนมโรงเรียนเพิ่มขึ้นประมาณ 0.31 บาท ถุง/กล่อง)
ซึ่งมติคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนได้เห็นชอบการปรับเพิ่มราคากลางนมโรงเรียนดังกล่าวแล้ว
และสําหรับ ภาคเรียนที่ 2/65 (เดือน พ.ย. 65 - มี.ค. 66) และภาคเรียนที่ 1/66 (เดือน พ.ค. 66 - ก.ย. 66) ในกรณีที่มีการปรับเพิ่มราคากลางนมโรงเรียน ในส่วนงบประมาณ สำหรับโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน สำหรับ 4 หน่วยงาน ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สำนักปลัด กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา จะมีภาระงบประมาณในปี 2566 เพิ่มขึ้นภาพรวม 301,539,100 บาท
ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งว่า การปรับเพิ่มราคากลางจําหน่ายนมโรงเรียนดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดซื้อนมโรงเรียนในส่วนของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (เช่น ศูนย์เด็กเล็ก ) โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และโรงเรียนเอกชน ยังมีงบประมาณเพียงพอสําหรับบริหารจัดการจําหน่ายนมโรงเรียนในครั้งนี้
เนื่องจากมีจํานวนนักเรียนน้อยกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงขอตั้งงบประมาณปี 2566
ยกเว้น โรงเรียนในสังกัด กทม. และเมืองพัทยา ที่มีกรอบงบประมาณ ไม่เพียงพอ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบให้หน่วยงานภายใต้ ปรับแผนปฏิบัติการหรือใช้งบประมาณของหน่วยงานมาดำเนินการก่อน หากยังไม่เพียงพอ จึงให้เสนอของบกลางจากสำนักงบประมาณต่อไป
โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน เป็นนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่ปี 2535 เพื่อแก้ปัญหาขาดสารอาหารในเด็กวัยเรียนและสนับสนุน อุตสาหกรรมโคนมไทย โดยใช้น้ำนมดิบจากเกษตรกรในประเทศในการผลิต ซึ่งปัจจุบันโครงการฯครอบคลุมนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาและจัดสรรนมโรงเรียนให้นักเรียนเป็นเวลา 260 วัน ต่อปีการศึกษา และรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อ นมโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งนายรัฐมนตรียังสนับสนุนให้เด็กไทยได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาร่างกายเจริญเติบโตอย่างเต็มที่