จากกรณีเหตุพายุงวงช้างพัดเรือล่มที่บางตะบูน จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่เร่งปูพรมค้นหาผู้สูญหายอีก 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า, ชุดประดาน้ำค้นหามูลนิธิสว่างสรรเพชญ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำเรือออกค้นหาร่างของนักท่องเที่ยวชาย 2 คน คือ นายกฤษณัฐ คำปัญญา อายุ 27 ปี และ นายชนินทร์ ชมปิ่นทอง อายุ 25 ปี ล่าสุด พบผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย และยังคงเร่งค้นหาผู้สูญหายอีก 1 ราย
พายุงวงช้างล่มเรือท่องเที่ยว อ่าวบางตะปูนสูญหาย 2 ราย
เร่งค้นหา 2 ผู้สูญหาย เหตุพายุงวงช้างพัดเรือท่องเที่ยวล่ม
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (12 ส.ค.) โดยเจ้าหน้าที่ สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ปลอดภัย 5 คน ส่วนอีก 2 คนสูญหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามค้นหาต่อเนื่อง
การค้นหาวันนี้ นายณัฐชัย นำพูลสุขสันต์ ผู้ว่าราชการ จ.เพชรบุรี พร้อมคณะลงเรือล่องแม่น้ำเพื่อร่วมค้นหา กระทั่งพบร่างของ นายชนินทร์ ชมปิ่นทอง อายุ 25 ปี กลางแม่น้ำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างเข้ามายังฝั่งโดยมีพ่อแม่และญาติญาติของผู้เสียชีวิตมารอรับศพ
น.ส.ธัญลักษณ์ เอกโชติภูมิโยธิน แม่ของนายชนินทร์ ผู้ตาย บอกว่า ปกติลูกเป็นคนว่ายน้ำเป็น แต่ว่ายไม่แข็ง ส่วนใหญ่จะว่ายในสระน้ำ เมื่อวานนี้เป็นวันแม่ ลูกชายมาหามากอดและหอม และบอกว่าขอไปเที่ยวกับเพื่อนพรุ่งนี้ก็กลับ โดยตนเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังลูกมากอดก็ร้องไห้ตลอดทั้งวันโดยไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไม่คิดว่าจะเป็นกอดสุดท้ายของลูกชาย
ขณะที่ เฟซบุ๊กส่วนตัวของพี่ชาย นายชนินทร์ ผู้ที่เสียชีวิต ที่ก่อนหน้าโพสต์ประกาศตามหาน้องชาย ก็ได้โพสต์ขอบคุณทุกคนที่ช่วยตามหาร่างน้องชายจนพบ โดยระบุว่า
"น้องผม ไปสบายเเล้วนะครับ ขอบคุณทุกคนเเละหน่วยงานทุกส่วนมากนะครับ ผมคงมาช่วยน้องช้าเกินไป" ซึ่งก็มีบรรดาเพื่อนๆ คนรู้จักรวมถึงชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเสียใจจำนวนมาก
ส่วนเรือลำที่เกิดเหตุ ยังไม่สามารถกู้ขึ้นมาได้ยังจมอยู่กลางอ่าว เจ้าหน้าที่ได้นำธงสัญลักษณ์ไปติดไว้ที่ลำเรือแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เรือที่สัญจรผ่านไปมาพุ่งชน จนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้
ตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ทางเจ้าของเรือปฏิบัติตามกฎถูกต้องทุกอย่าง มีใบประกอบการ จำนวนของผู้โดยสารก็ไม่เกินที่กำหนด ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัด เพชรบุรี เปิดเผยว่า ในเรือมีเสื้อชูชีพ แต่นักท่องเที่ยวไม่ได้สวมใส่ ซึ่งผู้ว่าราชการจังกวัดระบุว่า เรื่องนี้จะต้องย้ำเตือนและทำความเข้าใจทุกฝ่ายเรื่องความปลอดภัย ให้ทำตามกฎเพื่อความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นภัยพิบัติ มีบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ก็ถูกพายุลมพัดบ้านเรือนเสียหายไป 40-50 หลัง ชาวบ้านบอกว่าในรอบ 50 ปี เพิ่งจะเคยพบเห็นพายุรุนแรงขนาดนี้ เจ้าหน้าที่จะเร่งสำรวจเพื่อเยียวยาให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน