จากกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พาสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวสารในโกดังของรัฐบาลตามโครงการรับจำนำข้าวในจังหวัดสุรินทร์ และได้นำข้าวที่เก็บอยู่ในโกดังมาหุงและรับประทาน เพื่อยืนยันว่าข้าวดังกล่าวปลอดภัยและสามารถรับประทานได้ และประกาศว่าหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบก่อนนำข้าวสารในโกดังของรัฐออกจำหน่ายเป็นการทั่วไป จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างนั้น
ล่าสุด น.ส.มลฤดี โพธิ์อินทร์ รองหัวหน้าฝ่ายนโยบายและนวัตกรรม สภาผู้บริโภค แสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า ข้าวดังกล่าวถูกเก็บในโกดังเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ซึ่งอาจมีการใช้สารเคมีหลายชนิดในการเก็บรักษาเพื่อยืดอายุและคงคุณภาพของข้าวนั้น อาจส่งผลต่อคุณภาพข้าวที่ทำให้ไม่ปลอดภัยในการบริโภค ดังนั้น สภาผู้บริโภคจึงขอเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เร่งส่งตัวอย่างข้าวทุกกระสอบตรวจวิเคราะห์คุณภาพความปลอดภัยด้านอาหาร ทั้งทางเคมีและทางกายภาพเพื่อหาการตกค้างของสารเคมีและเชื้อราต่าง ๆ อีกทั้งเมื่อตรวจยืนยันความปลอดภัยแล้วขอให้แถลงผลการทดสอบต่อสาธารณะให้ประชาชนรับรู้ก่อนการประมูลข้าว
หากข้าวดังกล่าวผ่านมาตรฐานและมีการประมูลขายข้าวให้ประชาชน รัฐบาลต้องเปิดเผยชื่อบริษัทที่ประมูลข้าวด้วยว่าคือบริษัทอะไร มีวัตถุประสงค์ประมูลข้าวไปเพื่ออะไร และใช้ชื่อการค้าว่าอย่างไร รวมถึงต้องแสดงในฉลากสินค้าว่า “ข้าวนี้มาจากการเก็บในโกดัง 10 ปี”
ทั้งนี้ ข้อมูลของที่มาของสินค้าที่อาจมีการปนเปื้อนเป็นสิทธิพื้นฐานของผู้บริโภคที่ควรจะได้รับรู้เพื่อใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อ
กาแฟสด กับ กาแฟสำเร็จรูป แบบไหนมีคาเฟอีนมากกว่ากัน?
ประวัติ "เศรษฐพุฒิ" ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ คนที่ 24 ของธนาคารแห่งประเทศไทย
วิเคราะห์บอล! แชมเปี้ยนส์ ลีก เรอัล มาดริด พบ บาเยิร์น มิวนิค 8 พ.ค.67