ละครเรื่อง "แม่หยัว" กลายเป็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อฉายมาถึงตอนที่ 5 มีฉากที่พระสนมตันหยง (รับบทโดย เฟิร์น นพจิรา) ระแวงว่าจะถูกท้าวศรีสุดาจันทร์วางยาในน้ำชา จึงให้พี่เลี้ยงชื่อ "ทองดี" เอาน้ำชาไปให้แมวกินเพื่อทดสอบว่ามีพิษหรือไม่ ปรากฏว่าแมวกินแล้วชักกระตุกตายต่อหน้าต่อตา จนเกิดดราม่าขึ้นในทวิตเตอร์ (X) #แบนแม่หยัว ทะยานขึ้นเป็นเทรนด์อันดับต้นๆ
จนมีผู้ที่อ้างว่าเป็นทีมงาน โพสต์บอกว่า น้องแมวไม่ได้ตายจริง แต่เป็นการวางยาสลบ
หลังจากนั้นมีคนมาโพสต์ตั้งคำถามว่า ใช้วิธี หรือเทคนิคอะไรให้น้องทำแบบนั้นได้ ถ้าหากอ้างอิงเรื่องมีการวางยาสลบแมว ก็น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งการวางยาสลบแมวมีข้อควรระวังและข้อเสียที่เยอะมาก ผมในฐานะคนเลี้ยงแมวได้ปรึกษาสัตวแพทย์บ่อยมาก กว่าจะตัดสินใจพาน้องไปทำหมันที่ต้องวางยาสลบ โดยต้องอดอาหาร 8 - 12 ชั่วโมง แม้แต่น้ำก็ไม่ได้ เพราะจะทำให้น้องขย้อนจนเศษอาหารติดหลอดลม ปิดกั้นทางเดินหายใจ (ร้ายแรงสุดคือตุย)
ต่อมา สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับการแสดงเรื่อง แม่หยัว ก็ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอของน้องแมวต้นเรื่อง พร้อมข้อความระบุว่า "อัปเดตน้องแมว จากที่มีหลายท่านกังวลเรื่องการถ่ายทำที่เกี่ยวกับน้องแมว ขอเรียนชี้แจงดังนี้ครับ"
การถ่ายทำมีการวางยาสลบจริง แต่ได้รับการดูแลจากเจ้าของและผู้เชี่ยวชาญอย่างดีในทุก ๆ ขั้นตอนหลังการถ่ายทำน้องแมวฟื้นขึ้นมาและใช้ชีวิตเป็นปกติ
พร้อมโพสต์คลิปน้องแมวปัจจุบัน ส่วนใบรับรองแพทย์จะนำมาให้ทุกท่านดูอีกครั้ง เมื่อตรวจสุขภาพน้องแมวเสร็จเรียบร้อยครับ ขอบคุณครับ สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับการแสดง ซีรี่ส์เรื่อง แม่หยัว
ด้านเพจเฟซบุ๊กของ "มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์" โพสต์ภาพแคปหน้าจอคำชี้แจงจากผู้กำกับการแสดง "แม่หยัว" ที่ยอมรับว่ามีการวางยาสลบแมวในการถ่ายทำ แต่ยืนยันว่าได้รับการดูแลจากเจ้าของและผู้เชี่ยวชาญ โดยทางเพจตั้งคำถามว่า ทีมงานวางยาสลบแมวโดยอยู่ในการดูแลและการกระทำโดยสัตวแพทย์หรือไม่ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.วิชาชีพการสัตวแพทย์
ทีมข่าวพีพีทีวี โทรศัพท์พูดคุยเพิ่มเติมกับหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ระบุว่า มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ เตรียมไปแจ้งความให้ตำรวจสอบสวนกองละครดังกล่าว เพราะการวางยาสลบแมว เพื่อนำมาประกอบฉากจนแมวแสดงอาการขย้อนออกมานั้น อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายหลายข้อ โดยเธอบอกว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาใน 2 ประเด็น คือ
1. จากคำชี้แจงของผู้กำกับละคร ที่บอกว่าการวางยาสลบแมวในฉากดังกล่าว มีผู้เชี่ยวชาญดูแล คำว่า “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่อ้างถึงนั้น หมายถึง “สัตวแพทย์” หรือไม่ เพราะหากไม่ใช่ จะผิด พ.ร.บ.วิชาชีพการสัตวแพทย์ เนื่องจากการวางยาสลบแมว จะต้องทำโดยสัตวแพทย์เท่านั้น ถ้าเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญแต่ไม่ใช่สัตวแพทย์ จะถือว่าผิดกฎหมาย
และ 2. หากการวางยาสลบทำโดยสัตวแพทย์ ก็ยิ่งหนักขึ้นไปอีก เพราะถือว่าผิดจรรยาบรรณ และเข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์ เนื่องจากการวางยาสลบสัตว์ที่ถูกต้อง สัตว์จะสลบไปโดยไม่มีอาการ เพราะสัตว์ที่จะถูกวางยายาสลบจะต้องผ่านกระบวนการอดอาหารและน้ำล่วงหน้า 12 ชั่วโมง การที่สัตว์แสดงอาการขย้อน แสดงว่าไม่ได้รับการอดอาหาร และสัตวแพทย์ทำในการตรงกันข้าม คือให้สัตว์กินอาหาร เพื่อให้เกิดอาการขย้อนและกระตุกให้ภาพออกมาสมจริง ถือเป็นการเจตนาทารุณกรรมสัตว์ และทำให้สัตว์เสี่ยงต่อชีวิต
หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ระบุอีกว่า ส่วนตัวมองอาการของแมวที่ขย้อนอาหารและกระตุกก่อนแน่นิ่งไป เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่ต้องการให้สัตว์แสดงอาการแบบนั้น มากกว่าจะเป็นความผิดพลาดในกระบวนการอดอาหารหรือไม่ เพราะดูจากการอาเจียนของแมวที่ตนเองเห็น ต้องมีอาหารในกระเพาะ ซึ่งถือว่าอันตรายต่อชีวิตของสัตว์ โดยหากไม่มีอาหารในกระเพาะ แมวจะสลบและแน่นิ่งไปเฉยๆ ไม่ได้เป็นภาพอย่างที่เห็น
ขณะนี้มูลนิธิกำลังอยู่ระหว่างการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าการจะเข้าไปแจ้งความจะต้องเข้าไปที่ท้องที่ไหน เพราะโดยปกติการแจ้งความทารุณกรรมสัตว์ จะต้องเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุ คือที่ที่กองละครถ่ายทำฉากดังกล่าวซึ่งขณะนี้ทางมูลนิธิยังไม่ทราบว่าเป็นที่ไหน โดยช่วงสายวันพรุ่งนี้ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ จะเดินทางเข้าไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความและให้ตำรวจเรียกคนในกองละครมาสอบปากคำว่ามีการกระทำผิดกฎหมายข้อใดหรือไม่
ขณะที่ทาง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สัตวแพทยสภา ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้วเกี่ยวกับข้อกังวลดังกล่าว ที่มีภาพของแมวปรากฏในสื่อโซเชียลมีเดีย และมีการอ้างถึงว่าอาจมีการใช้ยาสลบในการถ่ายทำละคร ทางสัตวแพทยสภา จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP สังคม
- วิดีโอยอดนิยม
