วันที่ 11 พ.ย. 2567 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และ พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัย ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 9 หลัง ตามหมายค้นของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมตรวจยึดของกลาง
1. เครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิตอล (บิตคอยน์) ซึ่งกำลังถูกเปิดใช้งานอยู่ขณะเข้าตรวจค้น จำนวน 111 เครื่อง
2. เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ พร้อมจอภาพ จำนวน 7 ชุด
3. อินเตอร์เน็ตเราเตอร์ (Router) จำนวน 10 ชุด
4. เครื่องมิเตอร์ไฟฟ้าซึ่งถูกแก้ไข ดัดแปลง จำนวน 10 เครื่อง
และ ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย ได้แก่
1. นายณัฐพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี
2. นายอาทิตย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”
วันหยุดปีใหม่ 2568 เพิ่มวันหยุดพิเศษ วางแผนหยุดยาว 5 วันรวด
หนุ่ม กรรชัย แฉ!คลิปนักร้องชื่อดัง ตบทรัพย์ดิไอคอน 20 ล้าน
ตารางการประกวด "Miss Universe 2024" เช็ก 3 รอบสำคัญ เชียร์ "โอปอล สุชาตา" คว้ามง!
พฤติการณ์ ก่อนการปฏิบัติการตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้รับแจ้งจากพลมืองดีว่ามีบ้านต้องสงสัยเป็นอาคารพาณิชย์ จำนวน 1 หลัง ซึ่งมีชายวัยรุ่นเช่าไว้โดยไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัย แต่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้บริเวณรอบบ้าน ทำให้สงสัยว่าอาจใช้ในการติดตั้งเครื่องซิมบ๊อก (Sim Box) ที่คนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้สำหรับแปลงสัญญาณโทรศัพท์ไปหลอกลวงผู้เสียหาย ตำรวจ กก.5 บก.ป. จึงได้ลงพื้นที่ดำเนินการสืบสวนในทุกมิติจนทราบว่าผู้เช่าบ้านดังกล่าวคือ นายณัฐพงษ์ อายุ 30 ปี และทราบว่า นายณัฐพงษ์ ยังได้เช่าอาคารพาณิชย์และติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้โดยไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัยในลักษณะเดียวกันอีก 6 แห่ง และยังเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยว อีก 2 แห่ง รวมทั้งสิ้น 9 แห่ง จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายณัฐพงษ์ พบว่ามีธุรกรรมที่ต้องสงสัย ในห้วงเดือน ม.ค. 2566 ถึง ก.ย. 2567 มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท จึงเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ต่อมาตำรวจ กก.5 บก.ป. จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เพื่อตรวจสอบการใช้กระแสไฟฟ้าฟ้าของบ้านต้องสงสัย ผลการตรวจสอบพบว่าบ้านดังกล่าวมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่สูงผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือน จึงน่าเชื่อว่ามีการลักลอบดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อลักกระแสไฟฟ้าและนำไปใช้เปิดการทำงานของเครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิตอล (บิตคอยน์) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกหมายค้นบ้านต้องสงสัยทั้ง 9 จุด
วันที่ 7 พ.ย. 2567 ตำรวจ กก.5 บก.ป. จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยทั้ง 9 จุด ผลการตรวจค้นพบว่าบ้านทั้ง 9 หลัง มีการดัดแปลงพื้นที่เพื่อติดตั้ง เครื่องขุดสกุลเงินดิจิตอล (บิทคอยน์) พร้อมระบบระบายความร้อน โดยพบเครื่องขุดสกุลเงินดิจิตอล (บิตคอยน์) ซึ่งกำลังเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าของบ้านแต่ละหลังและถูกเปิดใช้งานอยู่ขณะเข้าตรวจค้น จำนวน 111 เครื่อง เมื่อเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ตรวจสอบโดยละเอียดจึงพบว่าเครื่องมิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านทั้ง 9 หลัง มีร่องรอยแก้ไข ดัดแปลง เพื่อให้วัดค่าปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้าได้น้อยกว่าความเป็นจริง จึงได้ร่วมกันตรวจยึดของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. และได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับและจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าตั้งแต่ประมาณปลายปี2566 และได้เริ่มทยอยสั่งซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์มือสองผ่านทางกลุ่มเฟซบุ๊ก แล้วนำมาติดตั้งในบ้านแต่ละหลัง
โดยว่าจ้างให้ผู้ต้องหาที่ 2 ทำหน้าที่ดัดแปลงมิเตอร์ไฟ เพื่อทำให้วัดปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้าได้น้อยกว่าความเป็นจริง พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องและได้เปิดใช้งานระบบเหมืองขุดสกุลเงินดิจิตอล (บิตคอยน์) ดังกล่าวเรื่อยมาจนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น ตรวจยึดและดำเนินคดีในที่สุด
ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าได้ทำหน้าที่ดัดแปลงมิเตอร์ของการไฟฟ้าเพื่อให้อ่านค่าได้น้อยกว่าความเป็นจริง และติดตั้งระบบไฟเพื่อใช้งานกับเครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิตอล (บิตคอยน์) โดยได้รับส่วนแบ่งเป็นค่าจ้างจากผู้ต้องหาที่ 1
ตรวจสอบพบมูลค่าความเสียหาย จากการตรวจสอบปริมาณการใช้ไฟฟ้า พบว่าหากไม่มีมีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า เครื่องขุดบิทคอยน์ของกลางจำนวน 111 เครื่อง จะต้องเสียค่าไฟเดือนละประมาณ 1 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่าคนร้ายได้ก่อเหตุมาแล้วเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี คาดการณ์ความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้ประกอบธุรกิจให้เช่าบ้านและประชาชนทั่วไป หากพบผู้มีพฤติการณ์ผิดปกติที่น่าเชื่อว่าอาจมีการเช่าบ้านไว้เพื่อติดตั้งหรือซุกซ่อนสิ่งของผิดกฎหมาย โปรดแจ้งเบาะแสได้ที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เพื่อตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป