18 ธ.ค. 67 กองกำกับการสืบสวนนครบาล 1 (สืบนครบาล) เปิดเผยรายละเอียดการจับกุม “กระต่าย” แม่บ้านรับจ้างดูแลผู้สูงอายุที่ทำร้ายร่างกายยายป่วยอัลไซเมอร์วัย 85 ปี ระบุว่า ทางสืบนครบาลได้รับทราบว่า มีผู้เสียหายร้องทุกข์เข้ามายังเพจ มีบุคคลมีพฤติการณ์ในการก่อเหตุที่มีลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะทำร้ายร่างกายเด็ก ผู้สูงอายุ พยายามลักทรัพย์ผู้สูงอายุฯ
โดยตรวจพบข้อมูลจากหลักฐานการแจ้งความ และกล้องวงจรปิดภายในบ้านของผู้เสียหาย อีกทั้งพบว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 67 เพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน ได้พา “ยายฮวย” วัย 85 ปี เข้าพบ พ.ต.อ.ชนะวรศิณธุ์ ศุภพนารักษ์ รอง ผบก.น. 3 และ พ.ต.อ.กฤต ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ “น.ส.นภสร” หรือ “กระต่าย” แม่บ้านที่ครอบครัวจ้างมาดูแลผู้สูงอายุ หลังทำร้ายยายฮวยจนได้รับบาดเจ็บ โดยผู้ก่อเหตุยอมรับว่า 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ทุบตีคุณทวดมาแล้ว ประมาณ 30 ครั้ง
ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 67 เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้จับกุมตัว น.ส.นภสร อายุ 49 ปี ตามหมายจับ ศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1234/ 2567 ลงวันที่ 11 ก.ย. 67 กระทำความผิดฐาน “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย” จับกุมได้ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งภายในซอยรัฐขจร แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
เตือน “โนโรไวรัส”ระบาดหลังพบปนเปื้อนน้ำในงานกีฬาสีโรงเรียนป่วยรวม 1,436 ราย
“เบี้ยผู้สูงอายุ 2568” เช็กวันโอนเข้าบัญชี และอัตราการจ่ายเบี้ยตามเกณฑ์อายุ
กองทัพ "หมูเด้ง" บุก! ลูกเล่นใหม่สุดน่ารักจาก Google
จากการสอบถามพฤติการณ์ผู้ก่อเหตุ ผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 67 ตนได้โพสต์ในกลุ่ม “หาพนักงานดูแลผู้สูงอายุ” บนเฟซบุ๊ก โดยทางผู้เสียหายต้องทำงานประจำ และมีภาระต่าง ๆ ภายในบ้าน พอมีกำลังที่จะจ้างพนักงานประจำ เพื่อจัดหาผู้ดูแลมารดาของตนซึ่งเป็นผู้สูงอายุ และป่วยนอนรักษาตัวที่บ้าน (ผู้ป่วยนอนติดเตียง) มีผู้สนใจติดต่อเข้ามาตามเบอร์โทรที่ตนแจ้งไว้ตามโพสต์ประกาศหาคนดูแลผู้สูงอายุ
ต่อมา ผู้ต้องหารายดังกล่าว พยายามขอเข้าทำงาน ตนจึงรับเข้าทำงาน ภายหลังจากพูดคุย ซักถามถึงประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงวัย จึงให้เริ่มงานตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. 67 เป็นต้นมา จนในวันที่ 1 ก.ค. 67 ตนและภรรยาสังเกตเห็นมารดาวัย 83 ปี มีรอยฟกช้ำตามใบหน้าและลำตัว จึงได้เฝ้าดูพฤติการณ์ของผู้ต้องหาอย่างใกล้ชิด มาโดยตลอดจนถึงวันที่ 5 ก.ค. 67 และเก็บรวบรวมหลักฐานผ่านกล้องวงจรปิด ที่ตนเองติดตั้งภายในห้องที่มารดานอนป่วย
จึงพบพฤติการณ์ที่สะเทือนต่อจิตใจ นำมาซึ่งความเจ็บปวดแก่สมาชิกในครอบครัวและตัวมารดาที่ป่วยฯ พบว่า น.ส.นภสร ทุบตีมารดาของตนอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ตั้งแต่รับเข้าทำงาน จนถึงวันที่ 5 ก.ค. 67 ตนจึงได้พูดคุยสอบถามกับผู้ตัองหาถึงสาเหตุในการกระทำ
เบื้องต้น น.ส.นภสร ให้การยอมรับกับตนและครอบครัวว่าเป็นผู้กระทำตามภาพที่ปรากฎในวงจรปิด จากนั้นไม่ได้สำนึกในการเข้ามาขอโทษ อีกทั้งมีพฤติการณ์แสดงท้าทายไม่ยำเกรงต่อผู้เสียหายและครอบครัว
ผู้เสียหายยังได้ตรวจสอบยังสมาชิกในกลุ่ม “นายจ้าง หาคนดูแลผู้สูงอายุ” พบผู้เสียหายให้ข้อมูลจำนวนมากในพฤติการณ์คล้ายคลึงกันของผู้ต้องหารายนี้ ตนจึงเข้าแจ้งความในวันที่ 12 ก.ค. 67 และเข้าไปร้องทุกข์ยังเพจ“สายไหมต้องรอด” เพื่อให้การช่วยเหลือและรับเป็นคำร้องทุกข์ที่เป็นภัยอันตรายต่อสังคม ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ที่หวังเพียงได้รับการดูแลมารดาอย่างมีจรรยาบรรณ จึงให้เจ้าหน้าที่พนังงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
จากการซักถามในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาตามหน้าหมายจับ แต่ให้การยอมรับว่าบุคคลดังกล่าวในภาพและชื่อสกุล เป็นตนเองตามหน้าหมายจับ แต่ปฏิเสธการทำร้ายร่างกาย และยังให้การว่าตนไม่ทราบเลยว่ามีหมายเรียก และหมายจับส่งไปยังบ้าน เพราะตนเองไม่เคยกลับเข้าไปบ้านอีกเลยนับตั้งแต่ทำงานรับดูแลผู้สูงอายุตามบ้าน
ผู้ต้องหายังให้การเพิ่มว่า ปกติตนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อาศัยว่านายจ้าง ว่าจ้างให้ไปที่ไหน ตนก็จะขอดูแลกับเคสที่มีที่พักอาศัย เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่ทราบข้อมูลว่าตนมีคดีติดตัว ผู้ต้องหาให้การว่า ตนไม่เคยมีพฤติการทุบตีทำร้ายใคร ตนรักผู้สูงอายุ และรักเด็ก เป็นคนธรรมะเข้าวัดฟังธรรมมาโดยตลอด
แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปักใจเชื่อแต่อย่างใด เนื่องจากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม และผู้เสียหายร้องทุกข์ ยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกบางราย ที่ถูกผู้ต้องหารายดังกล่าวนี้ ก่อเหตุในลักษณะคล้ายคลึงกัน อีกทั้งยังมีข้อมูลยืนยันจากใบแจ้งความฯ และได้ลงบันทึกประจำวัน การทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ฯ อันก่อให้เกิดความเสียหายทั้งร่างกาย และจิตใจแก่ญาติ และผู้สูงอายุตามบ้านที่ผู้ต้องหาเข้าไปดูแลอีกหลายคำร้องทุกข์ฯ
จากนั้นจึงได้ทำบันทึกการจับกุมและส่งตัวผู้ต้องหา ให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ฝากเตือนประชาชนว่า การหาคนดูแลผู้สูงอายุจึงควรมีปัจจัยหลายข้อด้วยกันเพื่อคำนึงถึงก่อนเลือกใช้บริการหาคนดูแลผู้สูงอายุ ความน่าเชื่อถือและมาตรฐาน ไม่ควรคำถึงเรื่องราคาถูกเพียงอย่างเดียว แต่การหาคนดูแลผู้สูงอายุจะต้องมีพยาบาลดูแลผู้สูงอายุ หรือบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง มีคุณภาพและมาตรฐานในการดูแลผู้สูงอายุ บริการต่างๆ ที่ครบครัน
โดยไม่เพียงแค่ดูแลเรื่องสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ต้องดูแลรักษาสุขภาพใจได้ด้วยและต้องถูกต้องตามกฎหมาย และขอให้ทุกบ้านควรติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในห้องที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง