ภายหลังจากที่รัฐบาลมีโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2567/68 โดยจะโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ไปยังเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วประเทศ กว่า 4.61 ล้านครัวเรือน วงเงินรวม 37,414 ล้านบาท ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ ซึ่งจะโอนให้เกษตรกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในวันที่ 19 ธ.ค. นี้นั้น
ปรากฏว่าในช่วงเช้าวันนี้ ชาวนาหลายจังหวัดในภาคอีสาน ต่างมาต่อคิดกดเงินและปรับสมุดบัญชีเพื่อตรวจสอบยอดเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท
โดยที่จังหวัดศรีสะเกษ บริเวณหน้าตู้ ATM ธนาคารฯ ธกส.สาขาศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่เช้าแม้จะมีอากาศที่หนาวเย็นลงมา พี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าลมหนาว มาเข้าแถวต่อคิว เพื่อที่จะทำการปรับสมุดบัญชีเงินฝาก และหากพบว่ามีเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ไร่ละ 1,000 บาท ก็จะกดเงินจากตู้ ATM หรือหากไม่มีบัตร ก็จะเข้าไปที่อาคาร ธนาคารฯ ธกส.เพื่อจับบัตรคิว ขอเบิกเงินไปใช้จ่าย โดยเฉพาะการนำเงินไปใช้หนี้ที่ติดค้างค่าเก็บเกี่ยวนวดข้าว แก่เจ้าของรถเกี่ยวนวดข้าวไว้ ซึ่งต่างคนต่างมีใบหน้าที่อิ่มเอิบ ดีใจ เพราะมีเงินเข้ามาในบัญชี เพราะหากมีเงินมาก็จะไม่ต้องขนข้าวเปลือกลงจากยุ้งฉางเพื่อไปขาย แต่พอมีเงินช่วยเหลือก็จะได้เก็บข้าวรอราคา และเก็บไว้แจกจ่ายลูกหลานผู้ที่ไปทำงานต่างจังหวัดที่จะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงปีใหม่ด้วย
โดยนางจันลา สินชัย เกษตรกรรายหนึ่ง บอกว่า เดินทางออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้า ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น เพื่อมาปรับสมุดเงินฝาก เพื่อดูว่ามีเงินไร่ละพัน ที่รัฐบาลมอบหเข้าบัญชีหรือยัง และปรากฏว่า เข้าบัญชีแล้ว จำนวน 5,000 บาท เพราะตนมีที่นา 5 ไร่ จึงได้กดเงินออกมาหมดเลย เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ ค่าจ้างรถเกี่ยวนวดข้าว และเก็บไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน พร้อมระบุว่าดีใจมากที่มีเงินเข้าบัญชี พอได้นำไปใช้หนี้ ไม่ต้องขายข้าวในระยะนี้ เพราะราคาข้าวยังไม่ขึ้นราคา และจะเอาข้าวไว้มอบเป็นของลูกหลานไปหุงกินที่กรุงเทพได้
ขณะที่นายนิมิตต์ บังศรี ผู้จัดการ ธนาคาร ธกส.สาขาศรีสะเกษ เปิดเผยว่า เฉพาะในเขตอำเภอเมืองศรีสะเกษ ธนาคารฯ ได้นัดหมาย กำหนดคิวการให้บริการในการเบิกถอนเงิน เป็นรายวัน รายตำบล โดยเริ่มนัดหมายจากวันนี้เป็นวันแรกที่มีเงินโอนเข้า ซึ่งส่วนใหญ่ก่อนหน้านี้ ธนาคารฯ ได้ออกให้บริการจัดทำบัตร ATM ให้แก่เกษตรกรไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อลดการมาแออัดด้านหน้าเคาร์เตอร์ธนาคาร แต่ส่วนใหญ่พบว่า ตัวเกษตรกรเอง ก็จะเก็บเงินไว้ในบัญชี เพราะเงินเป็นของเกษตรกรแล้ว จะมาถอนตอนไหน วันไหนก็ได้ ซึ่งเงินช่วยเหลือค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพข้าว จากรัฐบาลตอนนี้เข้าบัญชีไปหมดแล้ว ก็ขอฝากให้เกษตรกรบนริหารจัดการเงินที่ได้ให้คุ้มค่ามากที่สุด จำเป็นจะใช้เงินค่อยมาถอนก็ได้
ราชกิจจาฯ เผยแพร่คำสั่ง ยกเลิก ห้ามขายเครื่องกรองน้ำยี่ห้อดัง 1 รุ่น
คนร้ายยิงตัวตาย! เหตุยิงกันบึงกาฬ เสียชีวิต 3 ศพ บาดเจ็บอีก 3 คน
“เบี้ยผู้สูงอายุ 2568” เช็กวันโอนเข้าบัญชี และอัตราการจ่ายเบี้ยตามเกณฑ์อายุ
ขณะที่บรรยากาศที่จังหวัดนครราชสีมา เช้าวันนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ธนาคาร ธ.ก.ส.สาขาพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา พบเกษตรกรมารอคิวปรับสมุดบัญชีเพื่อตรวจสอบดูว่าเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000บาทเข้าหรือยัง ปรากฏว่าหลายคนเริ่มมีเงินโอนเข้าสมุดบัญชีแล้วตั้งแต่รอบเช้า ต่างก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ขณะที่บางคนเงินก็ยังไม่เข้า จึงต้องนั่งรอปรับสมุดต่อไป
โดยนางเสมอ จ๋าพิมาย อายุ 57 ปี เกษตรกรรายหนึ่ง เดินทางมาที่ ธ.ก.ส.สาขาพิมาย พร้อมกับสามี เพื่อนำสมุดบัญชีมาปรับดูเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล พบว่าเงินได้โอนเข้าบัญชีให้แล้ว โดยนางเสมอฯ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมาก โดยเงินที่ได้มานี้ตนเองจะได้นำไปใช้จ่ายซื้อของใช้หนี้ค่าเก็บเกี่ยวข้าว และค่าปุ๋ย ส่วนที่เหลือก็จะนำไปซื้อของใช้อุปโภคบริโภคในครอบครัว และอยากให้ช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาอย่างนี้ไปตลอดทุกๆ ปี
นอกจากนี้ชาวนาหลายคนบอกว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับเงินก้อนนี้ เนื่องจากจะช่วยเหลือค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ขณะที่บางส่วนต้องแบ่งเงินจำนวนหนึ่งไปใช้หนี้ แม้ว่าโครงการไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จะแตกต่างจากโครงการที่ผ่านมา ที่เคยได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกิน 20 ไร่ หรือ 20,000 บาท แต่ก็ยังช่วยให้มีเงินทุนในการทำการทำนาต่อไปอีก
เช่นเดียวกับจังหวัดสุรินทร์ ที่ธนาคาร ธกส.สาขาศรีณรงค์ อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ ชาวบ้านต่างพากันมากดเงินช่วยเหลือไร่ล่ะ1,000 บาท ที่ตู้เอทีเอ็มตั้งแต่เช้า ขณะที่บางส่วนรอ สำนักงาน ธกส.เปิดทำการเวลา 08.30 น.เพื่อเข้าคิวใช้สมุดธนาคารเบิกเงินกันอย่างคึกคัก ไม่ต่างจากพื้นที่อำเภออื่นๆ และต่างรู้สึกดีใจมาก ที่มีโครงการช่วยเหลือ เกษตรกรไร่ละ1,000บาท เพื่อเอาเงินไปใช้จ่ายค่าเก็บเกี่ยวข้าวที่ยังค้างกับรถเกี่ยว ค่าปุ๋ย ใช้หนี้สิน และ เป็นทุนในการทำนาและดำรงชีวิตต่อไป
โดยนายสุภี มณีศรี อายุ 67 ปี เกษตรกรรายหนึ่ง กล่าวว่า ตนขอบคุณภาครัฐ จากการนำของนายกอุ้งอิ๊ง ที่ให้เงินไร่ละพันแก่เกษตรกร ซึ่งจะเอาเงินไปใช้จ่ายในการซื้อของอุปโภคบริโภค และจ่ายค่าจ้างรถเกี่ยวข้าว จริงๆนโยบายดังกล่าวน่าจะให้คงที่เหมือนเดิม เมื่อก่อนให้ 20 ไร่ลงมา แต่ทุกวันนี้ให้ 10 ไร่ลงมา ก็ถือว่าเป็นการดี จะได้นำไปใช้จุนเจือในครอบครัวต่อไป ตนได้ 10 ไร่ 1 หมื่นบาท
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP สังคม
- วิดีโอยอดนิยม
