จากกรณีโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย โดยมีเป้าหมายให้กลุ่มวัยรุ่นอายุ 16-20 ปีจำนวนประมาณ 2.7 ล้านคนได้รับเงิน ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพและส่งเสริมการใช้จ่ายในระบบดิจิทัล โดยเริ่มแรกมีข้อมูลว่ารัฐบาลอนุญาตให้ใช้เงินนี้จ่ายค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
ต่อมาเกิดประเด็นดรามา เมื่อนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ออกมาชี้แจงว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท ในเฟส 3 ไม่สามารถใช้จ่ายค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือ ค่าโทรศัพท์ได้ เนื่องจากรายการเหล่านี้ถูกจัดเป็น "ค่าบริการ" ซึ่งไม่อยู่ในเงื่อนไขของโครงการ โดยให้เหตุผลว่าต้องควบคุมการใช้จ่ายให้สอดคล้องกับเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจและการหมุนเวียนในชุมชน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการระบุว่าจ่ายได้ก็ตาม
ล่าสุด วันนี้ 12 มี.ค.2568 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของนักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุระหว่าง 16-20 ปี ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 โดยพบกับน.ส.ทัศนีย์ โฮมกระโทก อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ซึ่งกำลังทำงานพาสไทม์อยู่ในร้านเครื่องดื่มแห่งหนึ่ง บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ถนนสุรนารายณ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
น.ส.ทัศนีย์ กล่าวว่า ตนเองได้ลงทะเบียนในแอปฯทางรัฐ ตอนนี้ผ่านถึงขั้นตอนที่ 3 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งช่วงแรกที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 ให้ ก็วางแผนไว้ว่าจะนำมาจ่ายค่าเทอม เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายลง แต่เมื่อทราบภายหลังว่าไม่สามารถจ่ายค่าเทอมได้ก็รู้สึกผิดหวังพอสมควร แต่ก็ยังดีที่จะได้รับเงินส่วนนี้ ซึ่งตนเองก็วางแผนไว้ว่าจะนำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อสื่อ เนื่องจากตนเองกำลังศึกษาด้านครูปฐมวัย ก็จะต้องใช้สื่อในการสอนเด็กปฐมวัยด้วย
นอกจากนั้นก็จะใช้สำหรับค่าใช้จ่ายประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถ และค่าหอพัก เป็นต้น โดยเงินดิจิทัล10,000 บาท ส่วนนี้ก็ถือว่าสามารถช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้มากพอสมควร เพราะทุกวันนี้ตนเองก็ต้องออกมาทำงานพาร์ทไทม์ เพื่อหารายได้เสริมหลังเลิกเรียนด้วย ดังนั้นในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ถ้าใช้จ่ายอย่างประหยัดก็สามารถอยู่ได้ถึง 3 เดือนเลยทีเดียว จึงขอขอบคุณรัฐบาลที่ยังนึกถึงกลุ่มเยาวชนเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังอยู่ในวัยเรียน ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายมากเลยทีเดียว
ด้านนางพิชญ์สิณี ทัดทอง อายุ 49 ปี แม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวว่า ตนเองในฐานะผู้ปกครองของลูกที่ยังอยู่ในวัยเรียน ก็หวังเป็นอย่างมากว่าเมื่อได้เงินดิจิทัล 10,000 บาทแล้ว จะให้ลูกนำไปจ่ายค่าเทอมเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง เนื่องจากเงินค่าเทอมก็ถือว่าก้อนใหญ่พอสมควร แต่เมื่อผลออกมาว่าจ่ายค่าเทอมไม่ได้ก็รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ซึ่งเงิน 10,000 บาท ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ถือว่าหายากมาก กว่าจะขายของได้ก็เลือดตาแทบกระเด็น ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลช่วยนำเรื่องนี้กลับไปทวบทวนใหม่ เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ปกครองด้วย.