ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวข้อเสนอแนวทางการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อาคารสำนักงาน สตง. ถล่ม โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้เกี่ยวข้องร่วมกันหารือแนวทางการเยียวยาด้านมนุษยธรรมผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อาคาร สตง. ถล่ม กับนายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา ผู้แทนจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และตัวแทนจากบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามตัวแทนบริษัทกิจการร่วมค้าฯ ถึงการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น กรณีที่มีประเด็นต่างๆออกมาทั้งเรื่องของการปลอมแปลงลายเซ็น การแก้ไขแบบแปลนของอาคาร สตง. เนื่องจากประชาชนอยากฟังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ซึ่งนายเกรียงศักดิ์ เป็นตัวแทนในการตอบคำถามระบุว่า “เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกิจการร่วมค้า เข้าใจไหมครับ มันเป็นเรื่องของผู้ออกแบบ กับผู้ควบคุมงาน ซึ่งพวกผมเป็นกิจการร่วมค้า ที่เป็นผู้รับเหมา ไม่ทราบเรื่องนี้เลย” ส่วนกรณีปรากฎลายเซ็น 51 รายชื่อที่เซ็นควบคุมงานก่อสร้าง เป็นลายเซ็นตัวจริงหรือไม่นั้น นายเกรียงศักดิ์ ระบุว่า เรื่องนี้ตนเองก็ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของกิจการร่วมค้า PKW ที่เขาเป็นผู้ควบคุมงาน
เมื่อถามอีกว่าในฐานะที่เป็นผู้เซ็นสัญญาหลัก มีการตรวจสอบรายละเอียดของสัญญาก่อนที่จะมีการจ้างบริษัทต่างๆ หรือไม่ นายเกรียงศักดิ์ ระบุว่า “ไม่ใช่หน้าที่ของผู้รับเหมาไปตรวจสอบสัญญาอื่น ต้องเข้าใจกันก่อน คือผมเห็นในโซเชียลมีเดียเขียนบางทีเป็นจินตนาการเกินเลยไปมาก อันนี้ต้องเข้าใจการทำงานก่อน คือ ผู้รับเหมา เป็นห่วงโซ่อาหารสุดท้าย เราอยู่ชั้นต่ำสุด ข้างบนเป็นเจ้าของงาน เป็นผู้ควบคุมงาน เป็นผู้คนออกแบบ พวกนี้เป็นคนสั่งงาน ผมไม่มีสิทธิไปตรวจสอบเขาอยู่แล้ว”
จากนั้น พ.ต.อ.ทวี ได้พูดตัดบทขึ้นมาว่า ในส่วนที่เป็นเรื่องคดีขอให้แยกถามต่างหาก เพราะวันนี้เป็นการมาพูดถึงประเด็นเรื่องของการเยียวยา โดยยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิสื่อในการถามทางกิจการร่วมค้า แต่ขอให้เป็นการแยกสัมภาษณ์ได้ ซึ่งจะไม่มีผลอะไรกับพนักงานสอบสวน เพราะพนักงานสอบสวนดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังการแถลงข่าวประเด็นการเยียวยาเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้เชิญสื่อมวลชนมารอสัมภาษณ์หน้าห้องประชุม เพื่อรอสัมภาษณ์เพิ่มเติม โดยหลังการหารือเสร็จสิ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทยอยกันเดินออกจากห้องประชุม เพื่อมาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม แต่ทางตัวแทนของกิจการร่วมค้า อิตาเลียนไทย ได้แจ้งผ่านเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่าไม่ประสงค์ที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และระหว่างอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมอยู่ พบว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ มีการปิดประตูไม่ให้เข้าไปภายในห้องประชุม ใช้เวลาการให้สัมภาษณ์ ประมาณ 10 นาที เมื่อเสร็จสิ้นผู้สื่อข่าวจึงรอจะสัมภาษณ์ ตัวแทนของบริษัทร่วมค้าอิตาเลียนไทย และไชน่าเรลเวย์ฯ เพิ่มเติม แต่ไม่ปรากฎว่าผู้แทนทั้งสองบริษัทออกมาจากห้องประชุม ผู้สื่อข่าวจึงได้เข้าไปภายในห้องประชุม แต่ไม่พบผู้บริหารอิตาเลียนไทย และผู้บริหารบริษัทไชน่าเรลเวย์ แล้ว
จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณหลังห้องประชุม มีประตูที่สามารถทะลุกับบันไดหนีไฟ ลงไปยังบานจอดรถชั้น G ได้ ทั้งนี้จึงคาดว่า ผู้แทนทั้ง2บริษัท หลบสื่อออกทางประตูหลังดังกล่าวไปแล้ว