'สันธนะ' ร้องผบ.ตร. สอบดารานักบุญ แอบอ้างรับบริจาคหลักล้านทำเสื้อชมพู รพ.ศิริราช
“บิณฑ์” ขู่ฟ้องกลับ “สันธนะ” กรณีเรียกเงินซื้อเสื้อชมพู
นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดง ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นที่เกิดขึ้นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงปมเหตุเรียกเงินซื้อเสื้อชมพู บริจาคช่วยมูลนิธิศิริราช บอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจจริงๆ เรื่องที่คุณสันธนะไปร้องเรียนเรื่องเสื้อของมูลนิธิศิริราช คุณสันธนะไม่รู้เรื่องอะไรเลย และไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
นายบิณฑ์ ชี้แจงว่า ตนได้รู้จักคุณนิรันดร บอกว่ามีเสื้อชมพูอยู่ 3 แสนตัว พร้อมที่จะบริจาคให้ 5พัน - 1 หมื่นตัวได้ โดยคุณนิรันดรถามว่ามีคนใจบุญพอจะช่วยเหลือได้ไหม เพราะเข้าทำเสื้อล็อตนี้มายังไม่ได้จำหน่ายที่ไหนเลย ซึ่งบิณฑ์ก็นึกถึงเสี่ยโป้ และพูดคุยกันจนตอบตกลงในการช่วยเหลือครั้งนี้ กระทั่งนัดจ่ายเงิน ทางมูลนิธิบอกว่าเงิน 2 ล้าน ยังไม่เข้าบัญชี จึงโทรศัพท์ไปหาเสี่ยโป้ ก็ได้รับคำตอบว่าติดภารกิจขอเลื่อนไป
ส่วนการโอนเงิน บิณฑ์ยืนยันว่า ไม่ได้โอนไปที่บัญชีส่วนตัวเขา แต่ถ้าถ้าเสี่ยโป้จะช่วยก็ต้องโอนเงินไปที่มูลนิธิศิริราชเอง
เรื่องนี้นายบิณฑ์บอกว่า เสี่ยโป้ต้องออกมา ไม่ใช่คุณสันธนะไปยื่นหนังสือ ซึ่งเรื่องนี้ ตนสามารถฟ้องกลับกลับนายสันธนะได้ และเสี่ยโป้ต้องออกมาเคลียร์ความจริงทั้งหมด
ด้านนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ หรือ เสี่ยโป้ ได้ชี้แจงเรื่องนี้ โดยนำใบจดทะเบียนบริษัท ต่างประเทศ 8 บริษัท มาแถลงข่าวครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ตัวเองมีเงินจริง ที่จะบริจาคช่วยเหลือ แต่เพียงต้องรอเวลาในการโอน ซึ่งประเด็นเสื้อชมพู นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เป็นคนประสานมา โดยระบุว่า จะขอให้ช่วยบริจาคเงิน 10 ล้านบาท เพื่อซื้อเสื้อ 1 แสนตัว ให้ประชาชน ใส่ในวันที่ 1 ธันวาคม โดยเงินทั้งหมดจะเข้าโรงพยาบาลศิริราช
ซึ่งตนเอง ยินดีช่วยบริจาคเพราะอุดมการณ์ตรงกัน แต่สงสัยว่าทำไมต้องสีชมพูทั้งที่มีสีเหลืองอยู่แล้วซึ่งนายบิณฑ์ บอกว่า ต้องการให้มองว่าเป็นกลางไม่เกี่ยวการเมือง ซึ่งเวลานั้นตนเองไม่มีเงินสดให้ จึงไปยืมเงิน 10 ล้านบาทกับคนรู้จัก ซึ่งสนิทกับนายสันธนะ ประยูรรัตน์ แต่คนรู้จักขอให้เพียง 2 ล้านบาท
ต่อมานายสันธนะทราบว่าเสี่ยโป้ จะยืมเงินไปบริจาคให้นายบิณฑ์ จึงต่อว่า และขอให้ตรววจสอบก่อนโดยจะขอไปจัดการให้เอง จากนั้นตัวเองก็ไม่ทราบเรื่องราวเพราะคิดว่าผู้ใหญ่จะไปคุยกันเอง
เสี่ยโป้ ยืนยันว่า ไม่ทราบว่าทั้ง 2 คน มีปัญหาอะไรกันหรือไม่ แต่ไม่อยากให้นำตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ยืนยันว่า ตัวเองเต็มใจที่จะบริจาค เพราะต้องการทำบุญ ซึ่งขณะนั้นไม่ได้สนใจว่าจะต้องโดนเงินเข้าบัญชีของใครจึงไม่ได้สังเกตเลขบัญชี และหากจะนำเงินที่ตัวเองบริจาค ไปใช้ส่วนตัวตัวเองก็ไม่ติดใจ เพราะตั้งใจจะทำบุญอยู่แล้ว ที่สำคัญเคยบริจาคช่วยน้ำท่วมรอบที่แล้วกับนายบิณฑ์ 1 ล้านบาทด้วย และตั้งแต่เกิดเรื่อง ยังไม่ได้พูดคุยกับนายบิณฑ์ แต่ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้ตัวเองหมางใจกับ นายบิณฑ์ และนายสันธนะ อย่างแน่นอน