เจ้าของคาด “ก็อตซิลล่า” กัดนักข่าว เหตุหวงเจ้าของ


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เจ้าของลิง “ก็อตซิลล่า” ระบุว่า ก็อตซิลล่า ไม่เคยกัดใคร แต่กัดนักข่าว คาดว่า น่าจะเกิดจากการหวงเจ้าของ

สื่อนอกตีข่าว “ก็อตซิลลา” ลิงไทยหนักกว่า 20 กิโลฯ

กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งหลังมีกระแสข่าวของลิงแสมชื่อ "ก็อตซิลล่า" ในโลกโซเชียลที่ ต้องการให้ส่งคืน "ก็อตซิลล่า" ให้ครอบครัวผู้เป็นเจ้าของ หลังชุดเหยี่ยวดง ลงพื้นที่เข้ามารับตัวกลับมาดูแลที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ยืนกรานว่า ไม่สามารถส่งคืนได้ เพราะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ขณะที่เจ้าของ ก็อตซิลล่า ระบุว่า ก็อตซิลล่า ไม่เคยกัดใคร แต่กัดนักข่าว คาดว่า น่าจะเกิดจากการหวงเจ้าของ

จากประเด็นที่โลกโซเชียลติดแฮชแท็กเซฟ ก็อตซิลล่า เพราะต้องการให้กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ส่งมอบลิงคืนให้กับนายมานพ เอ็มสรรค์ เจ้าของลิง ด้วยความสงสารครอบครัวที่เลี้ยง ก็อตซิลล่ามีความผูกพันธ์มาถึง 3 ปี ซึ่งกรมอุทยาน ส่งชุดเหยี่ยวดง ลงไปเอาตัวลิงมาขังไว้ที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) เพราะต้องการช่วยเหลือ เนื่องจากลิงมีน้ำหนักมากกว่าปกติจึงต้องการลดน้ำหนักลิง และประกอบกับเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 จึงอาจไม่ส่งคืนให้เจ้าของ

นายมานพ ระบุว่า หลังได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยอมรับว่า ยังไม่เห็นหนทางที่จะเอา ก็อตซิลล่ากลับมา เพราะกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไม่รับฟัง โดยตัวเองพยายามชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ ลิงมีความคุ้นเคยและติดคน แม้แต่เจ้าหน้าที่อุทยานก็ไม่สามารถจับตัวลิงได้ นอกจากคนในครอบครัวของตัวเอง โดยตัวเองจะติดตาม ก็อตซิลล่า อย่างใกล้ชิดและจะทำทุกวิธีหากสามารถนำ ก็อตซิลล่ากลับบ้านได้

ส่วนประเด็นที่ ก็อตซิลล่า กัดผู้สื่อข่าวช่องพีพีทีวี นายมานพ ระบุว่า วันเกิดเหตุ ผู้สื่อข่าว เข้ามาขอสัมภาษณ์ และเห็นว่า ก็อตซิลล่ามีพุงอ้วนขาว และอยากจับมือของลิง โดยที่ไม่ฟังเสียงห้ามปราม

นายมานพ อธิบายถึงพฤติกรรม ก็อตซิลล่า เพิ่มเติมว่า ปกติ ก็อตซิลล่า ไม่เคยกัดใคร เพราะนำไปตลาดด้วยตลอด เป็นลิงนิสัยดี ร่าเริง แต่ติดตรงหวงข้าวของ และหวงเจ้าของ ซึ่งในวันเกิดเหตุ ยอมรับว่า ไม่ได้เอาลิงใส่กรง เพราะปกติไม่ได้เลี้ยงใส่กรง และโดยนิสัยไม่ได้ดุร้าย ซึ่งจะนั่งเล่นทุกวันหาแมลง หรือลูกมะขามที่หล่นลงมากินเล่น หากวันไหนโมโหสุดจะแค่ขนพอง และแยกเขี้ยวใส่เท่านั้น

นายมานพเจ้าของ อ้างว่ามีการนำลิง ก็อตซิลล่า ไปฉีดยาทุกปีตั้งแต่เริ่มเลี้ยง ที่คลินิกวัดแสนสุข ย่านมีนบุรี โดยแพทย์ที่ฉีดยา ก็สามารถเล่นกับ ก็อตซิลล่าได้ แต่ไม่ทราบว่า ยาที่ฉีดเป็นยาอะไรบ้าง เพราะแพท์เป็นผู้ดำเนินการ ตัวเองจะได้เพียงใบนัดจากแพทย์เท่านั้น

ย้อนไปดูเหตุการณ์วันที่ 24 มีนาคม ทีมข่าวได้ติดต่อไปยังเจ้าของลิง เพื่อขอเข้าไปพูดคุยและตรวจสอบหลังถูกข่าวลิงตัวนี้แชร์ในโลกโซเชียล วันนั้นได้บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ และมีประเด็นหลายอย่างที่เจ้าของลิงให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ทีมข่าวได้ย้อนไปดูภาพ ขณะนางสาวณัฐชา หน่องพงษ์ ผู้สื่อข่าวพีพีทีวี

ลงพื้นที่ไปบ้านเจ้าของลิง พบว่า 2 สามี ภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของลิงได้ผูกเชือกคล้ายโซ่ล่ามคอ ไว้ตลอดเวลา ระหว่างการพูดคุยกัน ช่างภาพก็ได้เก็บภาพอยู่ห่างๆ ส่วนตัวนักข่าวก็ยืนสังเกต ห่างๆไม่ปะชันชิด เพราะได้ศึกษาข้อมูลมาพอสมควรถึงความดุ และพฤติกรรมของลิง

นางสาวณัฐชา เล่าว่าขณะนั้นพฤติกรรมลิงขณะนั้นยังไม่เป็นมิตร เจ้าของต้องคอยดุลิงตัวนี้ จนผ่านไปประมาณ 10-15 นาที ระหว่างเก็บภาพลิงตัวนี้ สิ่งที่ทำให้นักข่าวเริ่มกล้าที่จะเข้าใกล้ลิงมากขึ้น คือคำพูดเจ้าของยืนยันกับทีมข่าวว่าลิงไม่กัด จับได้ และพูดจูงใจอยู่บ่อยครั้ง ให้จับ

ช่วงที่เกิดเหตุเป็นจังหวะที่เธอกำลังนั่งลง และเรียกชื่อ เจ้าก็อตซิลล่า โดยมีเจ้าของลิงนั่งข้าง ๆ ลิงก็กระโดดเข้ามากัดบริเวณที่มือซ้าย อย่างรวดเร็วเจ้าของได้เข้ามาช่วยเอามือออกจากปากลิง เพราะไม่ยอมปล่อย

หลังเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทีมข่าวได้โทรกลับไปถาม ภรรยาเจ้าของลิง ว่าลิงเคยกัดใครหรือไม่ เจ้าของบอกว่าไม่เคยกัดใคร แต่ยอมรับว่ากัดแต่เจ้าของ และโดนกัดบ่อย

นางสาวณัฐชา ได้บาดแผลวันที่ 24 มีนาคม 2564 หลังถูกกัด ทีมข่าวได้เห็นบาดแผล ที่นิวชี้ด้านซ้ายถูกกัดลึกถึงกระดูก จึงรีบไปโรงพยาบาลแห่งแรกเพื่อทำการล้างแผลทันที โดยแพทย์ทำการเย็บปิดบาดแผล 12 เข็ม และทำการย้ายโรงพยาบาลมาแห่งที่ 2 เนื่องจากนิ้วขยับไม่ได้ พร้อมทำ MRI ทำให้ทราบว่านิ้วมือซ้าย เป็นรอยเขี้ยวถูกกัดลึกถึงเอ็นและเส้นประสาท แต่ไม่ขาด และพักรักษาแพทย์นอนที่รพ.ให้ยาฆ่าเชื้อ2วัน และกลับมาบ้านมีอาการอ่อนเพลีย
จนมาที่วันที่ 27/03/64
-แผลมีอาการบวมแดง แต่ไม่เป็นหนอง
วันที่ 28/03/64
-ไปล้างแผลอีกครั้งที่รพ. ใกล้บ้าน หมอแจ้งว่าแผลติดเชื้อ จากผลตรวจเลือดและรอบบาดแผล แผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ
วันที่ 29/03/64
-กลับมาที่รพ.ต้นทางที่ทำการรักษาอีกครั้ง หมอตรวจเจอว่าแผลติดเชื้อจริง จึงทำการผ่าตัดเปิดแผลดูอีกครั้ง ครั้งนี้แพทย์เปิดแผลยาวขึ้น และเก็บชิ้นเนื้อตายไปตรวจเพื่อวิเคราะห์เชื้อ และให้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากต้องทำการรักษาโดยการฉีดยาฆ่าเชื้อ 4 ครั้ง/1 วัน ซึ่งวันนี้ยังพบอาการนักข่าว ค่าเม็ดเลือดขาวลดลงเยอะ เหลือ 3000เซลล์ไมโครลิตร
วันที่ 30/03/64
-ผลเลือดพบว่าเม็ดเลือดขาวลดลงอีก เหลือประมาณ 2000เซลล์/ไมโครลิตร
ล่าสุดวันนี้ 31/03/2564
-เบื้องต้นแพทย์วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่ค่าเม็ดเลือดขาวลดลง มาจากแผลติดเชื้อ คาดมาจากน้ำลายลิง และยังไม่ทราบว่าเป็นเชื้อชนิดใด ซึ่งวันนี้แพทย์ได้ประสานเก็บตัวอย่างเลือด และน้ำลาย ของนางสาวณัฐชา ส่งไปให้ที่รพ.จุฬา เพื่อทำการตรวจหาเชื้ออย่างละเอียด
นางสาว ณัฐชา นักข่าว ระบุว่าข้อมูลที่เจ้าของลิงไปออกสื่อว่า นักข่าวได้ขอจับมือลิงเองและบอกว่าอยากจับพุงขาวของลิง ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่ได้ขอจับลิง ก็อตซิลล่า มีแต่เสียงเจ้าของที่บอกกับตนว่าจับได้ ๆ 2-3 ครั้ง และในคลิปก็มีเสียงเจ้าของบอกลิงว่า ขอมือให้พี่เขาหน่อย

ด้านช่างภาพซึ่งอยู่ในเหตุการณ์นี้และเป็นผู้ถ่ายภาพวันนั้น คือนายวิทวัส รัตนะ เล่าเหตุการณ์ว่าวันดังกล่าวลงพื้นที่ทำข่าวได้เพียง 15 นาที ซึ่งผู้สื่อข่าวมีการไปพูดคุยกับเจ้าของลิงถึงข้อมูลต่างๆ ก่อนที่เจ้าของลิงที่เป็นผู้หญิงจะพูดว่าสามารถจับลิงได้ ถึงสองครั้ง จากนั้นนางสาวนางสาวณัฐชาจึงย่อตัวลงและทำท่าจะจับก่อนที่จะถูกลิงกระโดดเข้ามากัดบริเวณที่มือซ้าย

นายวิทวัสยืนยันว่าก่อนมาทำข่าวนี้ นางสาวณัฐชาได้กำชับทีมข่าวทุกคนว่าลิงดุ ไม่ควรเข้าไปใกล้ และตลอด15 นาทีที่ลงพื้นที่ทำข่าว ไม่มีใครเข้าใกล้ จนเจ้าของลิงพูดว่าจับได้ นางสาวณัฐชาจึงเดินไปใกล้ และถูกกัด

ด้านสัตวแพทย์หญิง มัชฌมน แก้วพฤหัสชัย หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 กระบกคู่ ผู้ดูแลลิงอ้วน “ก็อดซิลลา” เปิดเผยว่า กรณีก็อดซิลล่ากัดนางสาวณัฐชา นักข่าวช่องพีพีทีวี มีการประสานขอผลตรวจเลือดลิงตัวนี้ เพื่อหาเชื้อไวรัส  สัตวแพทย์หญิง มัชฌมน เปิดเผยว่ายังทำไม่ได้ เพราะก็อดซิลลา อ้วนมากจนชั้นไขมันปิดเส้นเลือด จึงหาไม่พบ ต้องรอลดน้ำหนักอีกสักระยะหนึ่ง แต่จะเร่งทำงานเต็มที่ โดยมีเจ้าของลิงเข้าร่วมจับก็อดซิลล่าอยู่แล้ว เพื่อส่งตัวอย่างเลือดเข้าห้องแล็บ และจากการซักประวัติกับเจ้าของลิงอ้วน ไม่พบเอกสารการรับวัคซีนมาแสดงต่อสัตวแพทย์เลยสักหลักฐานเดียว จึงฝากถึงเจ้าของลิงต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ เพื่อการรักษาผู้บาดเจ็บ

สำหรับลิงแสมที่ไม่ได้รับวัคซีน จะมีเชื้อไวรัสหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อคนถึงชีวิต เช่น พิษสุนัขบ้า บาดทะยัก ไวรัสตับอีกเสบ และเชื้อไวรัสบี ในกลุ่ม herpesvirus(เฮอปีสไวรัส) ที่น่าสนใจคือ เฮอปีสไวรัส อยู่ในตัวลิงจะไม่แสดงอาการ แต่เมื่อคนถูกกัดหรือข่วนและได้รับเชื้อนี้ได้ประมาณ 1-3 สัปดาห์ จะเริ่มมีไข้ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ เมื่อเชื้อเข้าไปในเส้นประสาท จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากส่วนขาขึ้นไปจนเป็นอัมพาตทั้งตัว และส่วนใหญ่เสียชีวิตจากระบบหายใจล้มเหลว

ส่วนการดูแลลิงตอนนี้ยังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดกว้าง ไม่ใช่กรงขัง และมีตุ๊กตาที่เป็นของเล่นเดิมพร้อมที่นอน ซึ่งหมอจำเป็นต้องลดน้ำหนักลิงตัวนี้เพื่อฟื้นฟูสภาพ เพราะพฤติกรรมของของก็อดซิลลา ซึ่งเป็นลิงแสมตัวผู้ ตอนนี้โตเต็มวัย เข้าสู่วัยผสมพันธุ์ ซึ่งค่อนข้างมีพฤติกรรมก้าวร้าว ตามธรรมชาติคืออยู่ในวัยที่พร้อมพิสูจน์ตัวเองเป็นจ่าฝูง แต่ยังช่วยเหลือตัวเองตามวิถีของสัตว์ป่าไม่ได้คือการปีนต้นไม้ หรือเดินได้อย่างลิงปกติ ระหว่างที่ทีมข่าวพีพีทีวีพูดคุยกับสัตวแพทย์ มีการเปิดเผยจากชุดที่เข้าไปจับลิงอ้วนที่บ้านว่า ขณะจับลิงอ้วนตัวนี้ เจ้าของลิงคือนายมานพก็ถูกกัดที่แขน เป็นแผลถลอก และระหว่างการเลี้ยงดู ก็อตซิลลา กัดสัตวบาลประจำศูนย์ไปอีกหนึ่งคนที่น่อง เป็นแผลลึก ซึ่งตอนนี้พักรักษาตัวและสังเกตการณ์อาการอยู่

"เหยี่ยวดง" แจงดูแล "ก็อตซิลล่า" ตามหน้าที่ ชี้ ลิงแสมต้องอยู่เป็นฝูง

 

 

 

 

TOP อาชญากรรม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ