หลักฐานรายชื่อบัญชีธนาคาร ซึ่งถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ระบุว่า เป็นชื่อบัญชีธนาคารที่ร้าน “phonebymint” (โฟนบายมิ้น) โดยมีเครือข่ายเปิดบัญชีไว้สำหรับโอนเงินค่าสินค้ากว่า 140 บัญชี แม้ว่าตำรวจจะสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 2 ราย คือ น.ส.นฤมล อายุ 18 ปี และ น.ส.สายน้ำผึ้ง อายุ 19 ปี
แต่จากข้อมูลพบว่ายังผู้เปิดบัญชีธนาคารให้ผู้ต้องหารายสำคัญคือ น.ส.พิยดา ทองคำพันธ์ อายุ 19 ปี ที่เป็นเจ้าของร้านเพื่อนำไปหลอกขายโทรศัพท์มือถือให้กับน้องก้อง เด็กนักเรียนชั้น ม.2
เครียดโดนโกง ด.ช.เส้นเลือดสมองแตกดับ
ซื้อของออนไลน์ไม่อยากถูกโกง ตรวจสอบแบล็กลิสต์ง่ายๆ แค่ 2 ขั้นตอนผ่านปลายนิ้ว
แต่สุดท้ายไม่ได้สินค้าจนเครียดเส้นเลือดในสมองแตก เสียชีวิต ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้โพสต์ยังเชื่อว่าผู้ที่เปิดบัญชีให้กับ น.ส.พิยดา น่าจะมีจำนวนมากกว่านี้
ทีมข่าวพีพีทีวี ได้พูดคุยกับ น.ส.ปิยวรรณ นิ่มนวล ผู้เสียหายที่โอนเงินไปให้กับคนที่อยู่ในลิสต์รายชื่อดังกล่าวเปิดเผยว่า ตนเองได้สั่งซื้อนาฬิกาแอปเปิลวอช มือสอง จำนวน 2 เรือน ในราคา 6,800 บาท
จากอินสตาแกรม “applewatchbymintphone” (แอปเปิลวอช บายมิ้นโฟน) ซึ่งเชื่อว่าเป็นหนึ่งในร้านเครือข่ายของ “phonebymint” โดยสั่งซื้อไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา
แต่ปรากฎว่าเมื่อขอเลขพัสดุส่งของเพื่อตรวจสอบว่าสินค้าจัดส่งถึงขั้นตอนไหนแล้ว แต่เจ้าของร้านกลับไม่ตอบโพสต์ จนผ่านมาอีกวันเริ่มสงสัยจึงนำชื่อบัญชีที่ตนโอนเงินไปเสิร์ชในอินเตอร์เน็ต ซึ่งพบว่าบัญชีดังกล่าวมีประวัติการโกงเงินมาก่อน ตนจึงได้แคปข้อมูลและทักไปหาเจ้าของร้านแต่ก็ไม่มีการตอบกลับเช่นกัน
แถมยังถูกบล็อกอีกด้วย จึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.อ่าวช่อ จ.ตราด เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.ปิยวรรณ ระบุว่า สาเหตุที่ตัดสินใจซื้อแอปเปิลวอชกับร้านค้านี้ เพราะเห็นว่าของสภาพดีและราคาถูกกว่าร้านอื่น รวมทั้งมีผู้ติดตามเยอะกว่า 1 หมื่นคน รวมถึงมีการโพสต์ภาพรีวิวจากลูกค้าว่าได้รับของจริง ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจจึงสั่งของพร้อมกับโอนเงินไป แต่เริ่มผิดสังเกตเพราะว่าร้านค้าดังกล่าวมีการปิดคอมเม้นต์ โดยผู้เสียหายไม่สามารถไปโพสต์ในร้านค้าได้
น.ส.ปิยวรรณ เล่าต่อว่า จนกระทั่งสัปดาห์ต่อมา พบบัญชีเฟซบุ๊กของชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ตนเองโอนเงิน จึงทักไปสอบถามเจ้าตัวอ้างว่า ทำสมุดบัญชีหาย และไม่ทราบเรื่องที่ถูกนำไปใช้โอนเงินดังกล่าว พอตนเองแนะนำให้ไปแจ้งความเพราะมีมิจฉาชีพนำบัญชีไปโกงคนอื่น แต่ชายคนนี้ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมส่งหลักฐานว่ามีการแจ้งความหรือไม่
ล่าสุดทางกลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันโดยเปิดกลุ่มผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งขณะนี้มีจำนวนสมาชิกกว่า 300คนแล้ว
และมีผู้รวบรวมบัญชีธนาคารที่รับโอนเงินของร้านค้าดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีมากกว่า 100บัญชี
ทางกลุ่มผู้เสียหายจึงตั้งข้อสังเกตว่า ร้านค้าแห่งนี้ทำเป็นขบวนการหรือไม่