ภาพวีดีโอกล้องวงจรปิดอีกมุมที่นายเศรษฐี เตชะบุญรักษา หรือเอส บางแค ส่งให้กับทีมข่าวพีพีทีวี บอกว่าช่วงที่เขาใช้ปืนยิงนายโกมินทร์ วนาดอน พ่อค้าขายผัก เมื่อปลายเดือนก่อน คู่กรณีมีการชักมีดออกมาข่มขู่ก่อน ตอนนี้รวบรวมหลักฐานได้ครบทั้งคลิปและภาพขณะเกิดเหตุแล้ว ทำให้เช้าวันนี้ นายเอสและพวก เดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.เพชรเกษม
นายเอสเปิดเผยว่าคลิปที่ปรากฎในข่าวก่อนหน้า นายโกมินทร์ตั้งใจจะเลือกภาพที่ไม่เห็นมีด ที่ชักขึ้นมาข่มขู่นายกนก เข็มหนู หรือนายอุ้ม
"เอส บางแค" มอบตัวหลังกราดยิงพ่อค้าผัก
หนุ่มฉุน ตร.ตั้งกรวยบนถนน บุกโรงพักชกหน้าจมูกหัก ลั่นถูกทำร้ายเหมือนกัน-ไม่กังวลเรื่องคดี
รุ่นพี่ของตนที่มีปัญหากับนายโกมินทร์เรื่องที่จอดรถก่อนหน้านั้น 1 วัน โดยนายเอสทราบว่านายอุ้มจะมาเคลียร์ปัญหากับนายโกมินทร์ รู้สึกเป็นห่วง จึงแอบตามมากับนายออฟ เพื่อนอีก 1 คน
พอเห็นนายโกมินทร์ชักมีดออกมา ตนเองจึงตัดสินใจเข้าไปใช้ปืนขู่ให้วางมีด ยืนยันว่าไม่ได้ข่มขู่ว่า “กูคือเอส บางแค” ตามที่นายโกมินทร์อ้าง ขณะนั้นนายโกมินทร์ไม่ยอมวางมีด จึงใช้ปืนตบบ้องหูไป 1 ที นอกจากนี้ยังบอกว่านายโกมินทร์คือคนที่มีอิทธิพลในพื้นที่ตัวจริง มองว่าฝั่งตนเองแค่ป้องกันตัวเท่านั้น ส่วนเรื่องที่มีตำรวจแอบยัดเงินเพื่อให้จบคดี ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
ขณะที่นายโกมินทร์ คู่กรณี ไม่รับสายทีมข่าวตลอดทั้งวัน แต่จากคำสัมภาษณ์ของเขาครั้งที่แล้ว พบว่าทั้งคู่ให้การไม่ตรงกัน ตอนนั้นนายโกมินทร์บอกว่ามีบุคคลที่คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาให้เงิน 20,000 บาท เพื่อให้จบคดี ซึ่งตอนนั้นตนเองไม่ยอมเพราะเป็นฝ่ายถูกกระทำ และไม่ได้พกพาอาวุธ รวมถึงนายเอส ไม่มีการเจรจา เข้ามาใช้ปืนยิงทันที
ด้านนายบัญชา ปานนิวัติ ประธานมูลนิธิช่วยเหลือคนยากไร้ ที่เข้ามาช่วยจัดการเรื่องคดีให้กับนายเอส ตั้งข้อสังเกตว่าหากนายเอสตั้งใจจะยิงจริง นายโกมินทร์เสียชีวิตไปแล้ว ขอโอกาสให้นายเอสและพวกชี้แจงกับประชาชน เพราะที่ผ่านมาไม่มีสิทธิ์แก้ต่าง และตกเป็นจำเลยสังคมมาโดยตลอด ส่วนสาเหตุที่ออกมาแจ้งความช้าเพราะต้องการรวบรวมหลักฐานให้แน่ชัด และมาแจ้งความกลับในข้อหาพยายามฆ่า
ทีมข่าวย้อนกลับไปตรวจสอบตลาดอีกครั้ง พบว่ายังมีร่องรอยกระสุนบนหลังคาเพียง 2 นัดจริง แต่ร่องรอยบนพื้นไม่พบแล้ว เนื่องจากร้านอาหารทะเลปรับปรุงพื้นใหม่ จากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้า ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านายโกมินทร์สนิทกับเจ้าของตลาดจริง แต่ทุกคนในตลาดก็นับถือเจ้าของตลาดแบบลูกพี่ลูกน้อง เพราะต้องทำงานร่วมกัน เชื่อว่าไม่มีเรื่องอิทธิพลในตลาด และไม่ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติม เพราะมองว่าทั้งสองฝ่ายที่มีปัญหากัน ต่างฝ่ายต่างก็มีอาวุธ
ในส่วนความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.วิสิษฐ์ วัฒนพงษ์พิทักษ์ ผู้กำกับ สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่าได้รับทราบเรื่องที่นายเอสเข้าแจ้งความแล้ว เรื่องที่ทั้งสองฝ่ายให้การไม่ตรงกัน ต้องแยกออกเป็น 2 คดี ซึ่งแต่ละฝ่ายจะต้องหาหลักฐานมาแก้ต่างให้ตัวเองให้ได้ในชั้นสอบสวน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะต้องเรียกทั้งคู่มาสอบปากคำอีกครั้ง ก่อนดำเนินการสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อไป
