สาวเจ้าของกระเป๋า ลั่น “สรพงษ์” ต้องจ่าย 2 ล้าน - เลิกเป็นสาวประเภทสอง
ทนายดังจี้ แม่ค้ากระเป๋าออกมายอมรับผิด
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำยืนยันจากทั้งสองฝ่าย หลังพบกันในรายการโหนกระแส ถึงกรณีกระแสดราม่าเรื่องกระเป๋าแท้หรือไม่แท้ ที่สุดท้ายแล้วก็ได้รับคำยืนยันจากทั้งสถาบัน The Catch fake Brandname ในประเทศไทย และสถาบันตรวจของแบรนด์เนมจากสหรัฐฯ 2 สถาบัน คือ bababebi และ real authentication ต่างก็การันตีว่ากระเป๋าใบดังกล่าวเป็นของ “แท้”
ด้าน “ทีน่า” แม่ค้ากระเป๋าแบรนด์เนม ยอมรับว่าเปิดร้านขายกระเป๋ามา 4 ปี เคยพลาดมาแล้ว 1 ครั้ง อีกทั้งกระเป๋าใบดังกล่าวยาแนวแปลก ๆ จึงคิดว่าไม่ใช่ แต่เมื่อเจ้าของยืนยันว่าแท้ จึงอยากพิสูจน์ส่วนประเด็นเขียนคำว่า “ปลอม” ลงบนกระเป๋าเพราะตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะซื้อ แต่ต้องการพิสูจน์ก่อน และพอรู้ว่าเป็นของแท้ก็โอนเงินให้ทันที
“เข้าใจไหมว่าเราพูดไป เลิกเป็นกระเทยเลิกได้ไหมค่ะ แล้วเราผิดเหรอ เราผิดไหมเนี่ยะ เราก็ให้พิสูจน์ไง ของทุกอย่างเราก็ให้พิสูจน์ แล้วก็กระเป๋าใบนี้ปลอมนะ เราไม่ได้พูดอย่างนั้น เราเอาให้พิสูจน์นะคะกระเป๋าเนี่ยะ เราเอากระเป๋าไปซ่อนไหม ก็ไม่ได้เอาไปซ่อนถูกไหมนะคะ แต่ก็ยอมรับว่าเราผิดพลาด ก็ยอมรับ เราไม่ได้ว่าอะไร ก็โอเคถึงเอากระเป๋าไปพิสูจน์” แม่ค้ากระเป๋า กล่าว
สำหรับการเปลี่ยนชื่อจากเดิมเป็น “สรพงษ์” ทาง “ทีน่า” ระบุว่า แค่พูดสนุกเฮฮาเท่านั้น แต่ถ้าทุกคนจะให้เปลี่ยนก็จะเปลี่ยนชื่อเป็น “สรพงษ์” โดยวันพรุ่งนี้จะไปเปลี่ยนที่เขต แต่คงเลิกเป็นกะเทยไม่ได้ และจะไม่จ่ายเงิน 2 ล้าน เพราะตกลงกันที่ 395,000 บาทเท่านั้น
ด้าน “ชมพู่” เจ้าของกระเป๋า ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวจะจบก็ต่อเมื่อ “ทีน่า” เจ้าของร้านทำตามที่พูดไว้ โดยเฉพาะค่ากระเป๋าที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นของแท้ ทางเจ้าของร้านจะต้องจ่ายเงิน 2 ล้านบาท ไม่ใช่ 395,000 บาท และจะดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด แม้เจ้าของร้านจะรับว่าผิดพลาด แต่มองว่าเป็นเรื่องของการยักยอก เพราะยึดกระเป๋าไปและทำทรัพย์สินเสียหาย
หลังจากนั้น “ชมพู่” พร้อมด้วย ทนายเกิดผล แก้วเกิด เดินทางไปที่สถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียน เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ 2 ข้อหา คือ ยักยอกทรัพย์ และ ทำให้เสียทรัพย์ พร้อมทั้งเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน และนำหลักฐานใบรับรองจากสถาบันตรวจสอบกระเป๋ามอบให้กับตำรวจด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เพิ่มเติมด้วย
“ที่ผ่านมาที่แจ้งความกับ สน.บางขุนเทียน 2 ข้อหาครับ คือ ทำให้เสียทรัพย์กับยักยอกทรัพย์ แต่ว่าผมจะไปดูพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่าเข้าข่ายข้อหาอะไรบ้าง วันนี้ที่จะร่วมแน่ๆ คือหมิ่นประมาท หมิ่นประมาทแน่นอนครับ ส่วนทางแพ่งก็จะไปดูว่าค่าเสียหายความผิดฐานหมิ่นประมาทและเกี่ยวกับการรับปากว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้อีก 2 ล้านบาทเนี่ยะจะได้ฟ้องวันไหนค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง” ทนายเกิดผล กล่าว
เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหา “ทีน่า” ใน 2 คดี คือยักยอกทรัพ และทำให้เสียทรัพย์ และออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ไปแล้ว ครบกำหนดในวันที่ 23 ธันวาคม แต่ถ้าคู่กรณียังไม่มาก็ต้องว่าไปตามกระบวนการคือออกหมายครั้งที่ 2 ถ้ายังไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนอีกก็ต้องออกหมายจับ ซึ่งในคดีนี้เป็นความผิดส่วนบุคคลสามารถย้อมความได้ หากผู้เสียหาย และคู่กรณีมีการเจรจาชดใช้กันก็สามารถมาถอนแจ้งความได้ ส่วนจะต้องชดใช้เงินจำนวน 2 ล้านหรือไม่ เป็นเรื่องทั้งสองฝ่ายตกลงกัน