
"สันติ"ให้การภาคเสธ อ้างรู้เห็นแต่ไม่ได้ฆ่า 2 ศพที่ไต้หวัน
เผยแพร่
ความคืบหน้าการติดตามจับกุม นายสันติ หรือ อาเสิง อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่าสะเทือนขวัญ 2ศพ สามี-ภรรยาชาวไทย พร้อมลูกในท้องที่ไต้หวัน ล่าสุดทางชุดหนุมานได้คุมตัวนายสันติ ขึ้นเครื่องจากที่ จ.เชียงใหม่ หลังติดต่อเข้ามอบตัวโดยนำตัวมาสอบปากคำที่กองปราบ ซึ่งมี ผบ.ตร. เป็นผู้ลงมือสอบปากคำด้วยตัวเอง
หน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมาน คุมตัวนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน ผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา หลังฆาตกรรม 2 สามีภรรยาและลูกในท้อง ทิ้งศพไว้ท้ายรถยนต์ที่ไต้หวัน สอบปากคำเพิ่มที่ห้องสอบสวน กองบังคับการปราบปราม โดยมี พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้สอบปากคำด้วยตัวเอง ใช้เวลาประมาณ 10นาทีก่อน ตำรวจนำตัวออกไปคุมขังไว้
ทนกดดันไม่ไหว “สันติ” ฆ่า 2 ศพไต้หวันขอมอบตัว
ด่วน! มอบตัวแล้ว "สันติ" มือฆ่า 2 ผัวเมียที่ไต้หวัน คุมตัวสอบ บช.ก.
โดยระหว่างที่ตำรวจพาตัว นายสันติออกจากห้องสอบสวน ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงสาเหตุการลงมือฆาตกรรม แต่นายสันติตอบเพียงว่า “ไม่ได้ทำ” โดยรายละเอียดชี้แจงกับตำรวจไปหมดแล้ว
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้จะมีการดำเนินคดีในประเทศไทย โดยเป็นคดีข้อหาฆาตกรรม ส่วนการอำพรางซ้อนเร้นศพนั้น ตำรวจไทยไม่สามารถทำคดีข้อหานี้ได้ เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ระบุเพียงว่า ตนเองไม่ได้ลงมือกระทำแต่มีส่วนรู้เห็น ส่วนผู้ที่เป็นผู้ก่อเหตุฆ่านั้นตนเองไม่ขอให้รายละเอียด และไม่ขอให้ข้อมูลว่าเป็นชาวไทยหรือต่างชาติ ส่วนปมเหตุนั้นก็ยังไม่ขอเปิดเผยข้อมูล เนื่องจากคำให้การของผู้ต้องหามีการกล่าวอ้างถึงผู้เสียชีวิตด้วย
อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุ นายสันติ ได้หลบหนีข้ามชายแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน ทางตำรวจจึงประสานขอความร่วมมือพ่อผู้ก่อเหตุ ก่อนจะพาเข้ามอบตัว
ส่วนผู้ที่ให้ความช่วยเหลือพาหลบหนี ขณะนี้มีพยานหลักฐานที่ต้องรวบรวมเพิ่ม ว่าผู้ที่ช่วยเหลือนายสันติหลบหนีนั้น รู้ว่านายสันติเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับหรือไม่ เพราะหากรู้อยู่แล้วว่านายสันติถูกออกหมายจับ แต่ยังมีการช่วยเหลือหลบหนี ก็จะมีโทษถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน
ขณะที่ ประเด็นข้อสงสัยที่ว่าผู้เสียชีวิตเป็นหญิงที่มีรูปร่างท้วม รวมถึงมีผู้เสียชีวิตที่เป็นชายอีกคนนึง ซึ่งเชื่อว่านายสันติ ไม่น่ามีการลงมือก่อเหตุคนเดียวนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่าตำรวจก็มีการตั้งข้อสงสัยในประเด็นนี้ และกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป
ส่วนประเด็นเรื่องคลิปเสียงที่พี่ชายของผู้เสียชีวิตออกมาเปิดเผย โดยเป็นเสียงของ นายสันติ สนทนากับคนสนิท คลิปความยาวประมาณ 16นาที ระบุถึง หนี้สินของนางพจนีย์ ผู้เสียชีวิต เกือบ 10ล้านบาท ที่กู้ยืมนำไปพัวพันกับธุรกิจมืด และมีการนำเงินไปทำธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ด้วย
ประเด็นนี้ทางตำรวจได้ตรวจสอบแล้วพบว่า สอดคล้องกับการให้ข้อมูลที่ภาคเสธของนายสันติ ซึ่งเมื่อเจ้าหนี้มาทวง ก็บีบบังคับให้ผู้ก่อเหตุรับผิดชอบจำนวนเงินเกือบ 10 ล้านนี้แทน
นอกจากนั้นยังมีเสียงช่วงที่นายสันติ ปฏิเสธเรื่องการฆ่า 2สามี-ภรรยา โดยอ้างว่าตนเองถูกบังคับให้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ในฐานะเหยื่อล่อ และถูกบังคับให้ขับรถนำศพไปทิ้ง ซึ่งหากไม่ทำตามก็จะถูกฆ่าเช่นเดียวกัน
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุว่าเป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ซึ่งตามกระบวนการอัยการจะสอบสวนเอง แต่ทางตำรวจก็มีส่วนในการช่วยสอบสวน ซึ่งมีประเด็นข้อสงสัยว่านายสันติมีการฆ่าหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด ซึ่งหมายความว่าจะมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 4 ศพจะทำให้มีการเพิ่มโทษให้นายสันติหรือไม่
ในประเด็นนี้ พ.ต.อ.เอนก เปิดเผยว่า ตามกฏหมายเด็กที่ยังไม่ได้คลอดออกมา จะไม่ถือว่าเป็นมนุษย์ จึงไม่มีการเพิ่มโทษในคดี แต่เบื้องต้นจะมีการคุมตัวนายสันติ 48 ชั่วโมง และจะนำตัวฝากขังที่ศาลพรุ่งนี้ช่วงเช้า จากนั้นจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งฟ้องศาลภายใน 84 วันตามกระบวนการต่อไป
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline