คืนวันที่เกิดเหตุกลางดึกวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ชายเสื้อขาวคนนี้ เล่าว่า เขาเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในห้องกระจก ภายในร้านพญายอ ซึ่งใช้เป็นสถานที่เคลียร์ปัญหาระหว่างตัวแทนกลุ่มหาดวัดใต้ การ์ดร้าน 487 เอกมัย และตัวแทนกลุ่มขามใหญ่ การ์ดร้านพญายอ โดยมีนายอุ้ย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ทั้ง 2 ฝ่าย เคารพนับถือ เป็นคนพยายามไกล่เกลี่ย เคลียร์ปัญหาที่ค้างคากันมา โดยหลังก่อนเกิดเหตุ 1 วัน การ์ดของร้าน 487 เอกมัย กลุ่มหาดวันใต้ ลากนายไบเบิ้ล ที่เป็นการ์ดของร้านพญายอ กลุ่มขามใหญ่ ออกมานอกร้าน เพื่อพูดคุย
ผบ.ตร. เผย รวบมือก่อเหตุ "กราดยิงอุบล"ได้แล้ว 5 คน
กราดยิงอุบล ดับเพิ่มอีก 1 รวม 3 ศพ ผบ.ตร.บินด่วนลุยสางคดี
จนทำให้นายเป็ด ที่เป็นหัวหน้าการ์ดของร้านพญายอ ไม่พอใจ เพราะคิดว่า เป็นการกระทำที่ไม่เห็นหัว ข้ามหน้าข้ามตา จนเป็นเหตุบาดหมางต้องเปิดห้องเคลียร์ใจ
เขายังเล่าต่อว่า ภายในห้องมีคนอยู่ไม่ต่ำกว่า 5 คน คือ ตัวเขา นายอุ้ย เจ้าของพร้านพญายอ นายเป็ด กลุ่มขามใหญ่ และหัวหน้าการ์ดร้านพญายอ นายไบเบิ้ล การ์ดร้านพญายอ นายโชค กลุ่มหาดวัดใต้ การ์ดร้าน 487 เอกมัย แต่การพูดคุยกัน ซึ่งใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ไม่เป็นผล เพราะตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายจึงเปิดฉากยิงกัน ตามวิถีลูกผู้ชาย ทั้งๆที่ในห้อง ก็คุยกันแล้วว่า อย่าทำแบบนี้ เพราะทั้ง 2 กลุ่ม ก็เป็นคนที่รู้จักกันหมด และเคยกินข้าวหม้อเดียวกันมา ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 2 กลุ่มนี้ก็จะกินข้าวสังสรรค์เดือนละ 1 ครั้ง
ชายคนนี้ยังเล่าให้ฟังถึงอาวุธที่ทั้ง 2 กลุ่มนำมาใช้ก่อเหตุยิงกัน ที่เขาเห็นในวันที่เกิดเหตุ มีหลายชนิด และแต่ละฝั่งมีอาวุธหนักต่างกัน อย่างกลุ่มขามใหญ่ การ์ดร้านพญายอ มีอาวุธปืนอาก้า ส่วนฝั่งหาดวัดใต้ การ์ดร้าน 487 เอกมัย มีอาวุธหนักเป็นปืนลูกซอง โดยปืนทั้งหมดน่าจะเป็นปืนผิดกฎหมาย ไม่มีทะเบียน เพราะปืนสมัยนี้หาซื้อง่าย ส่วนที่ในสังคมออนไลน์บอก ปืนที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มคนกลางที่เข้าไปคุย ยืนยันว่า ไม่มี เพราะวันที่เข้าไปพูดคุย ไม่ได้พกปืนไป และยังวิ่งหลบกระสุนอยู่เลย
และภาพที่เห็นเหมือนคนถือปืนอยู่ในสนามยิงปืนหลายกระบอก ชายคนนี้ชี้แจงว่า ปืนทั้งหมดเป็นของสะสมของนายอุ้ย ซึ่งเป็นคนกลางที่เคลียร์ปัญหา โดยปืนทั้งหมดเป็นปืนที่นายอุ้ยสะสมไว้ และมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทุกกระบอก อย่างปืน 1 กระบอกที่เป็นประเด็นเหมือนอาวุธสงคราม เป็นปืนยาวที่นำมาตกแต่งให้คล้ายกับอาวุธสงครามเท่านั้น เพราะถ้าหากเป็นอาวุธสงครามที่ผิดกฎหมาย ไม่สามารถนำเข้าไปยิงซ้อมในสนามยิงปืนได้อยู่แล้ว
ถึงแม้คนกลางที่อยู่ในเหตุการณ์จะอ้างว่า มีการใช้อาวุธปืนอาก้าในที่เกิดเหตุจริง แต่ในทางสืบสวน พลตำรวจตรีสถาพร เอมโอษฐ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ยังไม่ยืนยันว่า เป็นอาวุธปืนอาก้าหรือไม่ โดยจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นเป็นอาวุธปืนยาว ยังไม่ทราบขนาด ส่วนที่ปลอกกระสุนปืน มีลักษณะคล้ายปืนอาก้า ยังต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพิสูจน์ก่อนว่า ยิงจากปืนชนิดไหน ถึงจะบอกได้ว่า ยิงจากปืนอาก้าหรือไม่
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ยังให้คำตอบถึงภาพที่กลุ่มชายยืนถือปืนคล้ายอาวุธสงครามว่า ประชาชนทั่วไปอาจมองว่า เป็นอาวุธสงคราม แต่ในความเป็นจริงแล้ว คือ ปืนยาวขนาด .22 ที่ตกแต่งให้เหมือนกับอาวุธสงคราม เพื่อสร้างความน่าเกรงขามดุดัน ซึ่งตามกฎหมายสามารถตกแต่งได้ แต่ถ้าพบการดัดแปลงลำกล้องจึงจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย